สร้างเว็บไซต์ให้ดีต้องมีมากกว่าแค่หน้าตาสวย ๆ แต่ต้องมีโครงสร้างภายในที่แน่นหนา คล้ายกับการสร้างบ้านที่ต้องวางรากฐานให้แข็งแรงก่อนทำส่วนอื่น ๆ วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “Structure Site Web” หรือโครงสร้างเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เว็บคุณติดอันดับบน Google และมอบประสบการณ์ที่ดีให้คนเข้าชม
Structure Site Web คืออะไรกันแน่?
Structure Site Web หรือโครงสร้างเว็บไซต์ก็คือวิธีจัดระเบียบเนื้อหาและหน้าเว็บต่าง ๆ ให้เชื่อมโยงกันแบบเป็นระบบ เปรียบเหมือนแผนที่ที่บอกว่าเว็บไซต์มีอะไรบ้าง แต่ละส่วนเชื่อมถึงกันยังไง
โครงสร้าง Website ที่ดีจะช่วยให้ Google Bot (ตัวเก็บข้อมูลของ Google) เข้าใจว่าเว็บคุณเกี่ยวกับอะไร แต่ละหน้ามีเนื้อหาแบบไหน และเชื่อมโยงกันอย่างไร นอกจากนี้ ยังช่วยให้คนเข้าเว็บหาข้อมูลได้เร็วและไม่งง
ทำไมโครงสร้างเว็บถึงสำคัญนัก?
หลายคนมักมองข้ามเรื่องโครงสร้างเว็บไซต์ แต่จริง ๆ แล้ว มันส่งผลใหญ่มากต่อความสำเร็จของเว็บ มาดูกันว่าทำไม Structure Site Web ถึงสำคัญ:
1. ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บคุณได้ง่ายขึ้น
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีเปรียบเหมือนแผนที่ชัดเจนให้ Google Bot ทำความเข้าใจเนื้อหาเว็บคุณ เมื่อ Bot มาเก็บข้อมูล (Crawl) เว็บคุณ มันจะเข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละหน้าได้ชัดเจน ทำให้ Google จัดเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนและถูกต้อง ส่งผลให้เว็บคุณมีโอกาสติดอันดับดีในผลการค้นหา
2. สร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้คนเข้าเว็บ
Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) มากขึ้นเรื่อย ๆ Structure Site Web ที่ดีจะช่วยให้คนหาข้อมูลได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องคลิกหลายครั้งกว่าจะถึงข้อมูลที่ต้องการ ทำให้เกิดความพึงพอใจและอยากกลับมาใช้อีก ซึ่งเป็นสัญญาณดีที่ Google จะนำไปใช้จัดอันดับเว็บไซต์
3. วางแผนเนื้อหาได้ตรงเป้า
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีช่วยให้มองเห็นภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด ทำให้วางแผนสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ได้เป็นระบบ และเชื่อมโยงเนื้อหาเก่ากับใหม่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเว็บที่ใช้ WordPress ที่มีระบบจัดการเนื้อหาที่ยืดหยุ่น
4. เพิ่มโอกาสได้รับ Google Sitelinks
เว็บไซต์ที่มีโครงสร้าง Website ชัดเจนมีโอกาสได้รับ Google Sitelinks มากกว่า ซึ่ง Sitelinks คือลิงก์ย่อยที่แสดงใต้ผลการค้นหาหลัก ช่วยให้คนเข้าถึงหน้าสำคัญ ๆ ของเว็บคุณได้ตรง ๆ เพิ่มพื้นที่การแสดงผลในหน้าค้นหา ทำให้มีโอกาสได้คลิกมากขึ้น
ออกแบบ Structure Site Web ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายหรือ Persona ที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละกลุ่มใช้งานและต้องการไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าควรออกแบบ Structure Website อย่างไรให้เหมาะกับแต่ละกลุ่ม:
1. สายช้อปออนไลน์
คนที่ชอบช้อปออนไลน์มักต้องการค้นหาสินค้าเร็ว ๆ เปรียบเทียบราคา และดูรายละเอียดสินค้าให้ครบ โครงสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะควรมีลักษณะแบบนี้:
- จัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจน มีเมนูหลักและเมนูย่อยที่เข้าใจง่าย
- ทำระบบค้นหาที่แม่นยำและมีตัวกรองที่หลากหลาย
- แสดงสินค้าแนะนำและสินค้าที่เกี่ยวข้องในหน้ารายละเอียดสินค้า
- มีเส้นทางนำทาง (Breadcrumbs) ที่ชัดเจน ให้ผู้ใช้รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนในเว็บไซต์
2. นักอ่านเนื้อหา
สำหรับเว็บไซต์ที่เน้นให้ข้อมูลหรือบทความ เช่น บล็อก เว็บข่าว หรือเว็บความรู้ ควรออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์แบบนี้:
- จัดหมวดหมู่เนื้อหาตามหัวข้อหรือประเภทที่ชัดเจน
- มีหน้าแสดงบทความล่าสุดและบทความฮิต
- ทำระบบแท็ก (Tags) ให้ผู้อ่านหาเนื้อหาที่สนใจได้ง่าย
- แสดงบทความที่เกี่ยวข้องหรือบทความแนะนำท้ายบทความ
- เชื่อมโยงภายใน (Internal Links) ระหว่างบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน
3. คนใช้มือถือ
ปัจจุบันคนใช้เว็บผ่านมือถือเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โครงสร้างเว็บไซต์จึงควรตอบสนองการใช้งานบนหน้าจอเล็ก:
- ใช้เมนูแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Menu) ที่กดแล้วขยายเมนูทั้งหมด
- จำกัดจำนวนเมนูหลักให้น้อยที่สุด ไม่ให้หน้าจอดูรกรุงรัง
- ออกแบบปุ่มให้ใหญ่พอสำหรับการกดบนหน้าจอสัมผัส
- ลดความลึกของโครงสร้าง ให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลด้วยการคลิกน้อยที่สุด
4. คนรีบร้อน
สำหรับคนที่ต้องการข้อมูลเร่งด่วน เช่น คนที่กำลังหาข้อมูลติดต่อ เวลาเปิด-ปิด หรือข้อมูลฉุกเฉิน ควรมีโครงสร้างเว็บไซต์แบบนี้:
- นำข้อมูลสำคัญไว้ในจุดที่เห็นได้ชัด เช่น ส่วนบนของหน้าแรก
- มีทางลัดไปยังหน้าที่คนเข้าชมบ่อย
- ลดขั้นตอนการหาข้อมูลให้น้อยที่สุด
- มีระบบค้นหาที่แม่นยำและรวดเร็ว
5. ลูกค้าองค์กร
สำหรับเว็บไซต์ที่ให้บริการลูกค้าองค์กร ควรมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือและให้ข้อมูลครบถ้วน:
- มีหน้าแสดงข้อมูลบริษัท ประวัติ และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
- มีส่วนแสดงกรณีศึกษา (Case Studies) หรือผลงานที่ผ่านมา
- มีหน้ารวมบทความหรือบล็อกที่ให้ความรู้เชิงลึกในธุรกิจ
- มีหน้าแสดงบริการหรือโซลูชันที่นำเสนออย่างละเอียด
- มีช่องทางติดต่อที่หลากหลายและชัดเจน
การปรับ Structure Site Web ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ จะช่วยให้เว็บคุณตอบโจทย์ความต้องการของคนใช้ได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้มีคนเข้าชมเว็บมากขึ้น และมีโอกาสเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น
รูปแบบของ Structure Site Web มีอะไรบ้าง?
การเลือกรูปแบบ Structure Site Web ที่เหมาะสมสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้งานเว็บในระยะยาว โดยทั่วไปแล้ว โครงสร้างเว็บไซต์มี 4 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้:
1. โครงสร้างแบบต้นไม้ (Hierarchical Structure)
โครงสร้างแบบต้นไม้เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับเว็บไซต์ทุกขนาด ตั้งแต่เว็บเล็กไปจนถึงเว็บใหญ่อย่าง E-commerce ลักษณะคล้ายแผนผังต้นไม้ โดยเริ่มจากหน้าแรก (Homepage) ที่อยู่บนสุด แล้วแตกแขนงเป็นหน้าหมวดหมู่หลัก (Categories) และหน้าย่อย (Subcategories) ตามลำดับ
ข้อดีของ Structure Website แบบนี้คือ เข้าใจง่าย ช่วยให้ Google Bot เห็นความสัมพันธ์ของหน้าต่าง ๆ ได้ชัดเจน และผู้ใช้สามารถหาข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ
2. โครงสร้างแบบเส้นตรง (Linear Structure)
โครงสร้างแบบเส้นตรงเป็นการนำเสนอเนื้อหาตามลำดับ เริ่มจากหน้าแรกหรือหน้า Landing Page แล้วเรียงลำดับเนื้อหาไปทีละหน้า เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เยอะ หรือต้องการให้ผู้ใช้อ่านเนื้อหาตามลำดับที่กำหนดไว้ เช่น เว็บคอร์สเรียนออนไลน์ E-book หรือเว็บที่มีเนื้อหาเป็นขั้นตอน
ข้อดีของโครงสร้าง Website แบบนี้คือ ทำง่าย ดูแลง่าย และตรวจสอบง่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ บริการทดสอบซอฟต์แวร์ ที่ช่วยให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ทำงานได้ถูกต้อง
3. โครงสร้างแบบเชื่อมโยงอิสระ (Web Linked Structure)
โครงสร้างแบบเชื่อมโยงอิสระเป็นรูปแบบที่ทุกหน้าสามารถเชื่อมถึงกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านหน้าแรกหรือหน้าหมวดหมู่ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีหน้าย่อยเยอะและต้องการให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้จากทุกหน้า เช่น เว็บ E-commerce ที่มีสินค้าหลากหลายประเภท
ข้อควรระวังของ Structure Site Web แบบนี้คือ หากไม่วางแผนดี ๆ อาจทำให้เว็บดูซับซ้อนและใช้งานยาก
4. โครงสร้างแบบผสม (Hybrid Structure)
โครงสร้างแบบผสมเป็นการนำจุดเด่นของโครงสร้างหลาย ๆ แบบมาผสมกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของเว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่จะใช้โครงสร้างแบบต้นไม้เป็นหลัก แล้วเสริมด้วยการเชื่อมโยงแบบอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งเป็นรูปแบบที่ RED CODE DEVELOPMENT มักแนะนำให้กับลูกค้าที่มีเว็บไซต์ซับซ้อน
วิธีออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ดี
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่ทำลวก ๆ เพราะจะส่งผลระยะยาวต่อการทำ SEO และประสบการณ์ของผู้ใช้ มาดูกันว่าควรทำอย่างไร:
1. กำหนดเป้าหมายของเว็บไซต์ให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มออกแบบ Structure Site Web คุณต้องรู้ก่อนว่าเว็บคุณมีวัตถุประสงค์หลักอะไร เช่น เพื่อขายสินค้า ให้ข้อมูลความรู้ หรือเล่าประสบการณ์ส่วนตัว การมีเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้คุณออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ได้ตรงตามความต้องการและวัตถุประสงค์
2. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ
การรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้คุณออกแบบโครงสร้าง Website ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ดีที่สุด ศึกษาพฤติกรรมการใช้งานเว็บของกลุ่มเป้าหมาย ปัญหาที่พวกเขากำลังเจอ และวิธีที่พวกเขาค้นหาข้อมูล เพื่อนำมาปรับใช้ในการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์
3. ศึกษาโครงสร้างเว็บไซต์ของคู่แข่ง
การดูว่าคู่แข่งวาง Structure Site Web อย่างไรเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณได้ไอเดียในการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง โดยเฉพาะเว็บของคู่แข่งที่ติดอันดับต้น ๆ ใน Google เพราะนั่นแสดงว่าโครงสร้างเว็บไซต์ของพวกเขาเป็นที่ถูกใจของ Google
4. เลือกและจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
การทำวิจัยคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางโครงสร้าง Website คุณควรรวบรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ แล้วแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อกำหนดว่าคีย์เวิร์ดใดควรอยู่ในหน้าใด ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับใน Google มากขึ้น
5. จัดหมวดหมู่เนื้อหาให้เป็นระบบ
การจัดหมวดหมู่เนื้อหาที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้และ Google เข้าใจ Structure Site Web ของคุณได้ง่ายขึ้น โดยมีหลักการดังนี้:
- จัดกลุ่มเนื้อหาที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน
- ตั้งชื่อหมวดหมู่ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
- ไม่ควรมีหมวดหมู่มากเกินไป (ไม่ควรเกิน 7 หมวดหมู่หลัก)
- ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทุกหน้าได้ภายใน 3 คลิก
6. สร้างระบบนำทางที่ใช้งานง่าย
ระบบนำทาง (Navigation) ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยประกอบด้วย:
- เมนูหลัก: แสดงหมวดหมู่หลักของเว็บไซต์
- เมนูย่อย: แสดงหมวดหมู่ย่อยภายใต้หมวดหมู่หลัก
- Breadcrumbs: แสดงเส้นทางการนำทางจากหน้าแรกไปยังหน้าปัจจุบัน
- Footer Navigation: แสดงลิงก์สำคัญที่ด้านล่างของเว็บไซต์
7. ใช้ URL ที่เป็นมิตรกับ SEO
URL ที่ดีควรสั้น กระชับ และบอกถึงเนื้อหาของหน้านั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ควรใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน URL เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของหน้านั้น ๆ ได้ดีขึ้น เช่น:
- ใช้คำที่อ่านง่ายและสั้นที่สุด
- ใช้คำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน URL
- ใช้ยัติภังค์ (-) แทนขีดล่าง (_)
- หลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำ ๆ หรือไม่จำเป็น
8. เชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ ด้วย Internal Links
การทำ Internal Links หรือการเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้าง Website ได้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น ควรเชื่อมโยงหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน และใช้คำที่มีความหมายเป็นข้อความลิงก์ (Anchor Text)
9. สร้าง Sitemap และ Robots.txt
Sitemap คือ ไฟล์ที่รวบรวมลิงก์ทั้งหมดของเว็บไซต์ ช่วยให้ Google สามารถค้นหาและจัดทำดัชนีหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ส่วน Robots.txt เป็นไฟล์ที่บอก Google ว่าหน้าไหนควรเก็บข้อมูลและหน้าไหนไม่ควรเก็บข้อมูล
บริการของ RED CODE DEVELOPMENT: ยกระดับ Structure Site Web ของคุณแบบมือโปร
ที่ RED CODE DEVELOPMENT เรามุ่งมั่นช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตในโลกออนไลน์ ด้วยบริการหลากหลาย ที่ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น:
วางแผนโครงสร้างเว็บไซต์แบบตรงใจ SEO
เราไม่ได้แค่สร้างเว็บสวย ๆ แต่เรายังวางแผนโครงสร้าง Website ที่เป็นมิตรกับ SEO ตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ เราเข้าใจดีว่า Structure Site Web ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจคุณติดอันดับใน Google และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
เรานำเสนอเว็บโซลูชันที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือระบบขนาดใหญ่ ด้วยดีไซน์ที่รองรับทุกอุปกรณ์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีไม่ว่าจะใช้งานผ่านช่องทางไหน
สร้างแอปมือถือที่ตอบโจทย์ผู้ใช้
เราพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือสำหรับทั้งระบบ iOS และ Android ที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และออกแบบเฉพาะตามความต้องการของธุรกิจคุณ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคุณกับกลุ่มเป้าหมาย
เชื่อมต่อระบบอย่างไร้รอยต่อ
บริการเชื่อมโยงระบบและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความถูกต้องของข้อมูลทั่วทั้งองค์กร
ทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์แบบครบวงจร
บริการทดสอบซอฟต์แวร์แบบครบวงจร ทั้งการทดสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญและระบบอัตโนมัติ ครอบคลุมการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
แก้ไขปัญหาและพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้ว
หากคุณมีเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่ต้องการปรับปรุง Structure Site Web ให้เป็นมิตรกับ SEO มากขึ้น เราช่วยคุณได้ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ในการปรับปรุงและพัฒนาระบบที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการให้บริการ IT Solutions ที่ครอบคลุมความต้องการทางเทคโนโลยีทุกด้าน
สรุป
Structure Site Web ที่ดีเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในโลกออนไลน์ ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บคุณได้ดีขึ้น มอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้ และทำให้การจัดการเนื้อหาเป็นระบบมากขึ้น การลงทุนเวลาวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์อย่างรอบคอบจะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในระยะยาว เพราะการแก้ไขภายหลังเป็นเรื่องยาก ที่ RED CODE DEVELOPMENT เราพร้อมช่วยคุณสร้างเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง เป็นมิตรกับ SEO และตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ
คำถามที่พบบ่อย
Structure Site Web คืออะไร?
Structure Site Web คือโครงสร้างเว็บไซต์ที่จัดระเบียบเนื้อหาและหน้าเว็บต่าง ๆ ให้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เปรียบเสมือนแผนที่ที่บอกว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาอะไรบ้าง และแต่ละส่วนเชื่อมโยงกันอย่างไร โครงสร้างที่ดีช่วยให้ Google เข้าใจเว็บคุณได้ดีขึ้น และผู้ใช้หาข้อมูลได้ง่าย
ทำไมโครงสร้างเว็บไซต์ถึงสำคัญต่อ SEO?
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีช่วยให้ Google Bot เข้าใจและจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน ส่งผลให้เว็บติดอันดับดีขึ้นในผลการค้นหา นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์
รูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์มีแบบไหนบ้าง?
มี 4 รูปแบบหลัก ๆ คือ โครงสร้างแบบต้นไม้ (Hierarchical) ที่เริ่มจากหน้าแรกแล้วแตกแขนงออกไป, โครงสร้างแบบเส้นตรง (Linear) ที่เรียงลำดับเนื้อหาทีละหน้า, โครงสร้างแบบเชื่อมโยงอิสระ (Web Linked) ที่ทุกหน้าเชื่อมถึงกันได้, และโครงสร้างแบบผสม (Hybrid) ที่รวมจุดเด่นของแต่ละแบบเข้าด้วยกัน
โครงสร้างเว็บไซต์แบบไหนเหมาะกับเว็บ E-Commerce?
เว็บ E-Commerce มักใช้โครงสร้างแบบต้นไม้ (Hierarchical) หรือแบบผสม (Hybrid) เพราะช่วยจัดหมวดหมู่สินค้าได้เป็นระบบ โดยมีหน้าแรก หน้าหมวดหมู่หลัก หน้าหมวดหมู่ย่อย และหน้ารายละเอียดสินค้า พร้อมกับมีการเชื่อมโยงระหว่างสินค้าที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าได้ง่าย
Internal Link มีผลต่อโครงสร้างเว็บไซต์อย่างไร?
Internal Link หรือการเชื่อมโยงระหว่างหน้าภายในเว็บไซต์ช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละหน้า ทำให้รู้ว่าหน้าไหนสำคัญ และช่วยกระจาย PageRank ภายในเว็บ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น และอยู่ในเว็บนานขึ้น




