Web Responsive Application: การออกแบบเว็บให้ตอบโจทย์ทุกอุปกรณ์

Web Responsive Application

ในยุคที่ผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่สมาร์ตโฟนจอเล็กไปจนถึงคอมพิวเตอร์จอยักษ์ การมี เว็บ Responsive ที่แสดงผลได้สวยงามและใช้งานง่ายบนทุกอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ Web Responsive Application หรือ Responsive Website จึงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการออกแบบเว็บไซต์ที่ธุรกิจยุคนี้ไม่ควรมองข้าม

Responsive Web Design คืออะไร?

Responsive Web Design คือ การออกแบบเว็บไซต์หรือ Responsive App ที่สามารถปรับการแสดงผลให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่ใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์หลายเวอร์ชัน การเข้าใจความหมายของแอปพลิเคชันจะช่วยให้เรามองภาพรวมของ Responsive Web Design ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เมื่อผู้ใช้เปิด Web App Responsive Design บนอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างสมาร์ตโฟน องค์ประกอบต่าง ๆ จะถูกจัดเรียงใหม่ให้เหมาะสม ขนาดตัวอักษรจะปรับให้อ่านง่าย ปุ่มกดต่าง ๆ จะมีขนาดใหญ่พอให้สามารถกดได้สะดวก และเนื้อหาจะถูกจัดลำดับความสำคัญใหม่เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานบนอุปกรณ์นั้น ๆ ทำให้ Responsiveness Web เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาเว็บในปัจจุบัน

ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องมี Web Responsive Application?

ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่า 60% ของผู้ใช้ทั้งหมด และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ธุรกิจที่ไม่ปรับตัวให้รองรับการใช้งานบนมือถือจึงอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างมหาศาล นี่คือเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจควรมี Web Responsive Application:

1. เพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้า

Responsive Website ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกบนทุกอุปกรณ์ โดยไม่ต้องซูมหรือเลื่อนหน้าจอไปมา ทำให้การใช้งานเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่น ง่ายดาย และสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ การออกแบบ Responsive Web UI ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสะดวกในการนำทางและใช้งานเว็บไซต์ของคุณ การเลือกประเภทของแอปพลิเคชันที่เหมาะสมก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

2. ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

เมื่อผู้ใช้สามารถเข้าถึง เว็บ Responsive ของคุณได้อย่างสะดวกจากทุกอุปกรณ์ โอกาสในการปิดการขายก็สูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราการออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate) เพราะผู้ใช้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการแสดงผลที่ไม่สมบูรณ์ เว็บที่ตอบสนองได้ดีจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม

3. ประหยัดต้นทุนระยะยาว

การพัฒนา Web Responsive Application ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะคุณไม่จำเป็นต้องพัฒนาเว็บไซต์แยกสำหรับแต่ละอุปกรณ์ (เช่น เวอร์ชันคอมพิวเตอร์และเวอร์ชันมือถือ) การดูแลรักษาและอัปเดตเนื้อหาก็ทำได้ง่ายกว่า เพราะมีเพียงเว็บไซต์เดียวที่ต้องจัดการ นอกจากนี้ การพัฒนาเว็บแบบ responsive ยังสามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Low-code เพื่อลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาได้อีกด้วย

4. เพิ่มอันดับในผลการค้นหาของ Google

Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile-friendly) โดยใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับผลการค้นหา การมี Responsive Website จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของ Google ได้ดีขึ้น เว็บไซต์ที่แสดงผลได้ดีบนมือถือมีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่แสดงผลได้ไม่ดีบนมือถือ

5. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

การมี เว็บ Responsive ที่ทันสมัยและใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจในรายละเอียดและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า ธุรกิจที่มีเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์จะดูเป็นมืออาชีพและทันสมัยมากกว่า

หลักการสำคัญของ Web App Responsive Design

การสร้าง Web Responsive Application อาศัยหลักการสำคัญ 3 ประการ ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้เว็บไซต์สามารถปรับตัวได้อย่างสมบูรณ์บนทุกอุปกรณ์:

1. Fluid Grid (กริดที่ยืดหยุ่น)

แทนที่จะกำหนดขนาดองค์ประกอบต่าง ๆ ด้วยหน่วยพิกเซลแบบตายตัว Fluid Grid จะใช้หน่วยเปอร์เซ็นต์หรือหน่วยสัมพัทธ์อื่น ๆ ทำให้องค์ประกอบสามารถปรับขนาดได้ตามความกว้างของหน้าจอ

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะกำหนดความกว้างของคอลัมน์เป็น 500 พิกเซล เราจะกำหนดเป็น 50% ของความกว้างหน้าจอแทน ทำให้คอลัมน์สามารถปรับขนาดได้โดยอัตโนมัติเมื่อขนาดหน้าจอเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ วิธีทํา Responsive Web ที่RED CODE DEVELOPMENT นำมาใช้กับโปรเจกต์ต่าง ๆ

2. Flexible Images (รูปภาพที่ปรับขนาดได้)

รูปภาพควรปรับขนาดตามความกว้างของหน้าจอหรือตามความกว้างของ container ที่บรรจุรูปภาพนั้น ๆ โดยการกำหนดความกว้างเป็นเปอร์เซ็นต์ และกำหนด max-width เพื่อป้องกันไม่ให้รูปภาพแสดงใหญ่เกินขนาดจริง

เทคนิคนี้ช่วยให้รูปภาพปรากฏได้อย่างสวยงามและเหมาะสมกับการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่เสียคุณภาพเมื่อแสดงบนจอขนาดใหญ่ และโหลดเร็วเมื่อแสดงบนอุปกรณ์มือถือ การจัดการรูปภาพอย่างมีประสิทธิภาพเป็นส่วนสำคัญของการสร้าง responsive design ที่มีประสิทธิภาพ

3. CSS Media Queries

Media Queries เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราสามารถกำหนด CSS styles ที่แตกต่างกันตามคุณสมบัติของอุปกรณ์ เช่น ความกว้างของหน้าจอ ความสูงของหน้าจอ หรือแม้แต่การปรับแนวของอุปกรณ์ (แนวตั้งหรือแนวนอน)

ด้วย Media Queries เราสามารถกำหนดจุดเปลี่ยน (Breakpoints) ที่จะเปลี่ยนแปลงการแสดงผลเมื่อขนาดหน้าจอเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนจากการแสดงเมนูแบบแถบด้านบนเป็นเมนูแบบปุ่มแฮมเบอร์เกอร์เมื่อหน้าจอมีขนาดเล็กลง ทำให้ Responsive Web UI มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เทคนิคนี้ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม

6 ขั้นตอน วิธีทํา Responsive Web ให้ประสบความสำเร็จ

การพัฒนา Web Responsive Application ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน ต่อไปนี้คือ 6 ขั้นตอนสำคัญในการทำ Responsive Website:

1. ออกแบบให้เรียบง่าย

เริ่มต้นด้วยการออกแบบเว็บไซต์ให้เรียบง่ายที่สุด อะไรที่ไม่จำเป็นหรือตัดออกได้ควรพิจารณาตัดออก เช่น Flash หรือ Effects ต่าง ๆ ที่อาจทำให้การแสดงผลบนอุปกรณ์บางประเภทมีปัญหา การออกแบบที่เรียบง่ายจะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นและเว็บไซต์โหลดได้เร็วบนทุกอุปกรณ์

นอกจากนี้ ควรทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องถึงข้อจำกัดของ Web App Responsive Design เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความคาดหวังที่ตรงกัน การวางแผนที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้โปรเจกต์ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น

2. เริ่มที่หน้าจอเล็กสุดก่อนเสมอ (Mobile-First)

แนวคิด Mobile-First คือ การเริ่มออกแบบสำหรับหน้าจอที่เล็กที่สุดก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายการออกแบบไปสู่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้เราโฟกัสกับเนื้อหาที่สำคัญที่สุดก่อน และลดความซับซ้อนของโค้ด ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถืออีกด้วย

การทำ Mobile-First ยังช่วยให้เราคิดถึงการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือตั้งแต่แรก ซึ่งมักมีข้อจำกัดมากกว่าการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ ทำให้เราสามารถออกแบบ Responsive Web UI ที่ทำให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายที่สุดบนทุกอุปกรณ์ แนวคิดนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและโหลดเร็วบนมือถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคปัจจุบัน

3. กำหนดขนาดแบบ Relative

การกำหนดขนาดแบบ Relative หมายถึง การกำหนดขนาดให้สัมพันธ์กับสิ่งอื่น ๆ แทนที่จะกำหนดเป็นค่าตายตัว เช่น:

  • กำหนดความกว้างของ layout เป็นเปอร์เซ็นต์แทนพิกเซล
  • ใช้หน่วย em หรือ rem สำหรับขนาดตัวอักษร
  • กำหนด max-width ให้กับรูปภาพเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพใหญ่เกินไป

การกำหนดขนาดแบบ Relative นี้จะช่วยให้องค์ประกอบต่าง ๆ สามารถปรับขนาดได้โดยอัตโนมัติตามขนาดของหน้าจอ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ Responsiveness Web ที่ทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ การใช้หน่วย relative ยังช่วยให้การบำรุงรักษาโค้ดทำได้ง่ายขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

4. หา Breakpoints และเขียน Media Queries

Breakpoints คือ จุดที่การแสดงผลจะเปลี่ยนแปลงเมื่อขนาดหน้าจอเปลี่ยนไป เช่น เมื่อหน้าจอกว้างน้อยกว่า 768px ให้แสดงเมนูแบบปุ่มแฮมเบอร์เกอร์ แต่ถ้ากว้างกว่านั้นให้แสดงเมนูแบบแถบด้านบน การกำหนด breakpoints ที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างสวยงามบนทุกอุปกรณ์

วิธีการหา Breakpoints ที่ดี คือ การเริ่มจากหน้าจอที่เล็กที่สุด แล้วค่อย ๆ ขยายขนาดหน้าจอทีละนิด เมื่อพบว่าการแสดงผลเริ่มดูไม่เหมาะสม นั่นคือจุดที่ควรกำหนดเป็น Breakpoint และเขียน Media Queries เพื่อปรับการแสดงผล ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการ ทำเว็บ Responsive ที่มีประสิทธิภาพ การเลือก breakpoints ที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างสวยงามบนอุปกรณ์ทุกขนาด

5. กำหนด Viewport Meta Tag

Viewport Meta Tag เป็นคำสั่งที่บอกให้เบราว์เซอร์รู้ว่าควรแสดงผลเว็บไซต์อย่างไรบนอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มือถือ ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับ Web Responsive Application การกำหนด viewport meta tag ที่ถูกต้องจะช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนอุปกรณ์ต่าง ๆ

โค้ดพื้นฐานของ Viewport Meta Tag คือ <meta name=”viewport” content=”width=device-width, initial-scale=1.0″>

คำสั่งนี้บอกให้เบราว์เซอร์กำหนดความกว้างของหน้าเว็บให้เท่ากับความกว้างของอุปกรณ์ และตั้งค่าการซูมเริ่มต้นเป็น 100% ทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนอุปกรณ์มือถือโดยไม่ต้องซูมออกเพื่อดูเนื้อหาทั้งหมด

6. ทดสอบกับอุปกรณ์จริง

แม้ว่าการออกแบบและพัฒนาตามขั้นตอนข้างต้นจะช่วยให้ เว็บ Responsive แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์โดยทฤษฎี แต่การทดสอบกับอุปกรณ์จริงยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแต่ละอุปกรณ์อาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบปฏิบัติการ เบราว์เซอร์ และข้อจำกัดบางประการ การทดสอบจะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาก่อนที่จะส่งมอบให้ผู้ใช้งานจริง

ควรทดสอบเว็บไซต์บนอุปกรณ์หลากหลายประเภท ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ รวมถึงทดสอบบนเบราว์เซอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่า Responsive App สามารถใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์ การทดสอบอย่างรอบคอบจะช่วยให้เราสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้ทุกคน

ข้อควรระวังในการทำ Responsive Web Design

แม้ว่า Web Responsive Application จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรคำนึงถึง:

1. ปัญหาในการรองรับหลายอุปกรณ์พร้อมกัน

การเขียนโค้ดให้รองรับหลายอุปกรณ์พร้อมกันอาจทำให้เกิดความซับซ้อนและยากต่อการดูแลรักษา โดยเฉพาะเมื่อต้องรองรับอุปกรณ์ที่มีความแตกต่างกันมาก เช่น สมาร์ตโฟนจอเล็กกับสมาร์ตทีวีจอใหญ่ การวางแผนและทดสอบอย่างรอบคอบจะช่วยลดปัญหานี้ได้

2. การซ่อนเนื้อหาที่ไม่จำเป็น

บางเบราว์เซอร์อาจมีปัญหาในการซ่อนเนื้อหาที่ไม่จำเป็น เช่น โฆษณาหรือเมนูที่ซับซ้อน ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ยังถูกโหลดเข้ามาแม้จะถูกซ่อนไว้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ลดลง การจัดการเนื้อหาอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้เทคนิคการโหลดที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

3. การปรับขนาดรูปภาพ

การปรับขนาดรูปภาพโดยไม่ลดขนาดไฟล์อาจทำให้ผู้ใช้มือถือต้องโหลดรูปภาพขนาดใหญ่โดยไม่จำเป็น ทำให้เสียเวลาและใช้ทรัพยากรเครือข่ายมากขึ้น ควรใช้เทคนิคเช่น Responsive Images หรือ Lazy Loading เพื่อแก้ปัญหานี้ การบีบอัดรูปภาพและการโหลดรูปภาพเฉพาะเมื่อจำเป็นจะช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ

บริการพัฒนา Web Responsive Application โดย RED CODE DEVELOPMENT

RED CODE DEVELOPMENT เชี่ยวชาญในการพัฒนา Web Responsive Application ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SMEs ด้วยราคาที่คุ้มค่า เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กับบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เราเข้าใจความท้าทายในการทำธุรกิจเป็นอย่างดี

บริการของเรา:

1. ออกแบบและพัฒนา Responsive App ครบวงจร

เราออกแบบและพัฒนา Responsive Website ที่แสดงผลได้อย่างสมบูรณ์แบบบนทุกอุปกรณ์ ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการอย่างละเอียด ออกแบบ UX/UI ที่ใช้งานง่าย และพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดูรายละเอียดบริการของเราเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หลัก

2. ปรับปรุงเว็บไซต์เดิมให้เป็น Responsive

หากคุณมีเว็บไซต์อยู่แล้วแต่ยังไม่รองรับการแสดงผลบนมือถือ เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้เป็น เว็บ Responsive ได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ เราจะวิเคราะห์เว็บไซต์ปัจจุบันและเสนอแนวทางการปรับปรุงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

3. ออกแบบ Responsive Web UI ที่เน้นประสบการณ์ผู้ใช้

เราเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย สวยงาม และใช้งานได้จริง โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะใช้งานผ่านอุปกรณ์ใดก็ตาม เราให้ความสำคัญกับการออกแบบที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้ง่ายและน่าประทับใจ

4. พัฒนา Web App Responsive Design เฉพาะทางสำหรับธุรกิจ

เราพัฒนา Responsive App เฉพาะทางที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ เช่น ระบบจัดการสินค้า ระบบจองคิวออนไลน์ หรือระบบ CRM ที่รองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์ เราเข้าใจความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละธุรกิจและพร้อมพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคุณ

5. ให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์ดิจิทัล

เราไม่เพียงแค่ ทำเว็บ Responsive แต่ยังให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์ดิจิทัลเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ เราจะช่วยคุณวางแผนการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจของคุณ

สรุป

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน Web Responsive Application ไม่ใช่แค่ตัวเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกขนาด การมีเว็บไซต์ที่แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ และประหยัดต้นทุนระยะยาว RED CODE DEVELOPMENT พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาเว็บที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน

คำถามที่พบบ่อย

Responsive Web Design คืออะไร?

Responsive Web Design คือ การออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถปรับการแสดงผลให้เหมาะสมกับทุกขนาดหน้าจอโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยใช้โค้ดเดียวและ URL เดียว ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีบนทุกอุปกรณ์

ข้อดีของการทำ Responsive Web Design มีอะไรบ้าง?

ข้อดีหลัก ๆ คือ 

  1. ประหยัดต้นทุนเพราะไม่ต้องทำเว็บแยกหลายเวอร์ชัน 
  2. บำรุงรักษาง่ายเพราะมีเพียงเว็บเดียวที่ต้องอัปเดต 
  3. เพิ่มอันดับใน Google เพราะเป็นมิตรกับมือถือ 
  4. สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีบนทุกอุปกรณ์ 
  5. เพิ่มยอดขายเพราะลูกค้าเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใด

Responsive มีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง?

องค์ประกอบสำคัญของ Responsive Design มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 

  1. Fluid Grid ใช้หน่วยเปอร์เซ็นต์แทนพิกเซลเพื่อให้ปรับขนาดได้ตามหน้าจอ
  2. Flexible Images ที่ปรับขนาดตามความกว้างของหน้าจอโดยไม่เสียสัดส่วน
  3. CSS Media Queries ที่กำหนดสไตล์แตกต่างกันตามขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.