เว็บแอปพลิเคชัน คืออะไร แตกต่างอย่างไรกับ Website ทั่วไป?

เว็บแอปพลิเคชัน คืออะไร แตกต่างอย่างไรกับ Website ทั่วไป?

ในปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ธุรกิจให้ความสนใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริการลูกค้า แต่หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยว่าเว็บแอปพลิเคชันแตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปอย่างไร วันนี้ RED CODE จะมาไขข้อสงสัย พร้อมสรุปประโยชน์ของการมีเว็บแอปพลิเคชันให้กับธุรกิจของคุณ

เว็บแอปพลิเคชัน คืออะไร?

Web Application หรือ เว็บแอปพลิเคชัน คือ โปรแกรมประยุกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานผ่าน Web Browser โดยไม่ต้องติดตั้งบนอุปกรณ์ เว็บแอปพลิเคชันสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน ก็สามารถเข้าถึงเว็บแอปพลิเคชันได้แล้ว

หลักการทำงานของเว็บแอปพลิเคชัน

เว็บแอปพลิเคชันทำงานผ่านสถาปัตยกรรมไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์ โดยมีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่

  1. ตัว Web App ที่เป็นส่วนติดต่อกับผู้ใช้ รับส่งข้อมูล
  2. Web Browser ที่ทำหน้าที่แสดงผลแอปพลิเคชันและส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์
  3. Web Server ที่ให้บริการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับ Web App ประมวลผล และส่งผลลัพธ์กลับมายัง App Web Browser
  4. Database ที่ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของ Web App

ความแตกต่างของ Website และ Web Application

แม้เว็บแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ทั่วไปจะถูกเรียกใช้ผ่าน Web Browser เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันหลายด้าน ได้แก่

การใช้งาน

เว็บไซต์โดยทั่วไปถูกออกแบบมาเพื่อนำเสนอข้อมูลและเนื้อหาเป็นหลัก เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ก็จะได้รับข้อมูลที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ ตามโครงสร้างของเว็บไซต์นั้น ๆ โดยมักจะมีการจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาและมีเมนูสำหรับการนำทางไปยังหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์

ในขณะที่เว็บแอปพลิเคชันนั้น นอกจากจะให้ข้อมูลแล้ว ยังเน้นไปที่การทำงานและการโต้ตอบกับผู้ใช้งานเป็นหลัก ผู้ใช้สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเว็บแอป เพื่อทำกิจกรรมบางอย่างหรือแก้ปัญหาเฉพาะด้านได้ การออกแบบเว็บแอปจึงเน้นที่ฟังก์ชันการทำงานและความสะดวกในการใช้งานเป็นสำคัญ

ด้าน UI

เว็บไซต์มักจะมีการออกแบบที่หลากหลาย สวยงามและดึงดูดสายตา เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าชม อาจมีการใช้ภาพ สี และองค์ประกอบกราฟิกต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและตราสินค้า รวมถึงมีการจัดวางเลย์เอาต์ที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

ส่วน UI ของเว็บแอปพลิเคชันมักจะเรียบง่ายกว่า มีความเป็นระเบียบ มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นหลัก การออกแบบจะคำนึงถึงการวางองค์ประกอบ ปุ่มต่าง ๆ ให้ใช้งานได้สะดวก ตำแหน่งการจัดวางที่คาดเดาได้ เพื่อให้ผู้ใช้คุ้นเคยและใช้เวลาน้อยที่สุดในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของแอป

ด้าน UX

ประสบการณ์ผู้ใช้งานเว็บไซต์จะเน้นไปที่การรับรู้ข้อมูล การอ่าน การรับชมเนื้อหาเป็นหลัก ดังนั้นการออกแบบ UX ของเว็บไซต์จึงให้ความสำคัญกับการนำเสนอเนื้อหาอย่างน่าสนใจ ดึงดูด มีลำดับการอ่านที่ผู้ใช้สามารถติดตามได้โดยง่าย สร้างทัศนคติและความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์

ขณะที่ UX ของเว็บแอปจะเน้นที่กระบวนการทำงาน ขั้นตอนการใช้งาน ที่ต้องให้ผู้ใช้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนต่าง ๆ ของแอปจะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ การป้อนข้อมูล การแสดงผล การแจ้งเตือน จะถูกปรับให้เหมาะสมและลื่นไหล เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความพึงพอใจสูงสุด

ประโยชน์ของการทำ Website

การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองในยุคดิจิทัลนี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้ และเป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า โดยประโยชน์หลัก ๆ ของการมีเว็บไซต์มีดังนี้

  • เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าบริการ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรายละเอียดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ว่าเป็นธุรกิจที่มีตัวตนจริง มีข้อมูลที่ชัดเจน
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด แต่สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมาก อัปเดตข้อมูลได้ง่ายกว่าสื่อแบบดั้งเดิม
  • ใช้เป็นช่องทางในการรับฟีดแบ็กและคำติชมจากลูกค้า เพื่อนำไปปรับปรุงสินค้าและบริการ
  • เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้าสามารถดูรายละเอียดและตัดสินใจซื้อได้ในทันที

ประโยชน์ของการทำ Web App

สำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เว็บแอปพลิเคชันถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ การพัฒนาเว็บแอปจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะได้ตรงจุด ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการมีเว็บแอป ได้แก่

  • พนักงานสามารถใช้งานได้สะดวก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผ่านอุปกรณ์ใดก็ตาม เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • สามารถใช้งานร่วมกันแบบ Real-time เห็นข้อมูลเดียวกัน อัปเดตทันที ลดความผิดพลาด
  • ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งหรืออัปเดตโปรแกรม เพราะระบบจะอัปเดตอัตโนมัติให้ผู้ใช้เรียบร้อย
  • ปลอดภัยกว่าการพัฒนาระบบเอง เพราะผู้ให้บริการจะมีมาตรการป้องกันและสำรองข้อมูลไว้อย่างดี
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องลงทุนระบบ Hardware เอง ไม่มีค่าบำรุงรักษา จ่ายเท่าที่ใช้

ทำเว็บแอปพลิเคชันกับ RED CODE เพิ่มประสิทธิภาพการทำ Marketing

การมีเว็บแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับแบรนด์ เนื่องจากเป็นอีกช่องทางในการเข้าถึงและให้บริการลูกค้าได้โดยตรง ตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านได้ตรงจุด ใช้งานง่ายผ่าน Web Browser ได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และเพิ่มยอดขายในระยะยาว

RED CODE เป็นบริษัทพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสายพันธุ์ใหม่ ที่พร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปอีกขั้นด้วยการมี Web Application ที่ตอบโจทย์ ใช้งานง่าย รองรับทุกอุปกรณ์ โดยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลในทุกขั้นตอน เพื่อส่งมอบแอปพลิเคชันคุณภาพ ภายในระยะเวลาและงบประมาณที่คุณต้องการ

สรุป

Web Application คือเทคโนโลยีที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจยุคใหม่ ด้วยการเป็นเครื่องมือในการนำเสนอบริการ และพัฒนาระบบการทำงานขององค์กรให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจของคุณ

หากคุณสนใจอยากมีเว็บแอปพลิเคชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจ ต้องการทีมงานมืออาชีพคุณภาพที่พร้อมให้คำปรึกษาและรับพัฒนา Web App อย่างครบวงจร ติดต่อ RED CODE เพื่อรับบริการให้คำปรึกษาฟรี และพร้อมส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน

คำถามที่พบบ่อย

Application (แอปพลิเคชัน) หมายถึงอะไร?

แอปพลิเคชัน หมายถึง โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานเฉพาะด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในการทำงานต่าง ๆ แอปพลิเคชันสามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแอปพลิเคชันนั้น ๆ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบติดตั้งบนอุปกรณ์ หรือใช้งานออนไลน์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์

Web Application มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

Web Application สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. Static Web Application: เว็บแอปที่มีเนื้อหาคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้ที่ฝั่งไคลเอนต์
  2. Dynamic Web Application: Web Apps ที่มีเนื้อหาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อมูลถูกจัดเก็บที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และดึงมาแสดงผลแบบ real-time
  3. E-commerce Web Application: Web Applicatie ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ มีระบบตะกร้าสินค้า การชำระเงิน และจัดการคำสั่งซื้อ

เว็บแอปพลิเคชันเขียนยังไง?

การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน จำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเขียนโปรแกรม เพื่อออกแบบและพัฒนาWeb App ให้ตรงกับความต้องการและวัตถประสงค์ของธุรกิจ โดยทั่วไปเว็บแอปพลิเคชันจะถูกพัฒนาด้วยภาษา HTML, CSS และ JavaScript ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานของการพัฒนาเว็บ

นอกจากนี้ยังมีเฟรมเวิร์คและไลบรารีต่าง ๆ ที่ช่วยให้การพัฒนา Web App เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น React, Angular, Vue.js เป็นต้น รวมถึงเครื่องมืออย่าง Node.js ที่ช่วยให้สามารถพัฒนาทั้งฝั่ง Front-end และ Back-end ได้ในเวลาเดียวกัน

แต่การพัฒนา Web Application ให้ออกมามีคุณภาพ ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผน วิเคราะห์ความต้องการ ออกแบบ พัฒนา ทดสอบ ไปจนถึงการดูแลและบำรุงรักษาหลังการใช้งาน ซึ่งต้องอาศัยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

เว็บแอปพลิเคชันทั่วไปมีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันมีเว็บแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้งานในธุรกิจต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยเว็บแอปพลิเคชันทั่วไปที่พบบ่อย ได้แก่

  • เว็บแอปพลิเคชันด้านการจัดการข้อมูลลูกค้า (CRM)
  • ระบบบัญชีและการเงิน (Accounting Software)
  • ระบบขายหน้าร้านและจัดการสินค้าคงคลัง (POS)
  • ระบบจองตั๋วและที่พักออนไลน์ (Booking Engine)
  • ระบบสมัครสมาชิกและจัดการข้อมูลสมาชิก (Membership)
  • ระบบแชทสนทนาและให้คำปรึกษาออนไลน์ (Live Chat)
  • ระบบการเรียนออนไลน์และจัดการข้อมูลนักเรียน (e-Learning)

โดย Web Application เหล่านี้ล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ประหยัดเวลาและต้นทุนในระยะยาว และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันบริษัทชั้นนำหลายแห่งต่างมีเว็บแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ภายในองค์กร หรือให้บริการลูกค้าโดยเฉพาะ

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.