หากพูดถึงอาชีพในวงการไอที หลายคนอาจนึกถึง Programmer, Developer หรือ Business Analyst กันก่อน แต่มีอีกหนึ่งตำแหน่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน แถมยังเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงและเงินเดือนดีอีกด้วย นั่นคือ “Software Tester” หรือนักทดสอบซอฟต์แวร์นั่นเอง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาชีพ Tester Program และการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาชีพ Software Tester อย่างละเอียด ทั้งในแง่ของลักษณะงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ทักษะที่จำเป็น ตลอดจนโอกาสเติบโตและค่าตอบแทนในสายอาชีพนี้
Software Tester คืออะไร?
Software Tester คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ทดสอบคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์หรือนักพัฒนา โดยมีภารกิจหลักในการค้นหาข้อบกพร่อง (bugs) หรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก่อนที่ซอฟต์แวร์จะถูกส่งไปถึงมือผู้ใช้งานจริง สำหรับผู้ที่สนใจเป็น Tester Program จำเป็นต้องมีความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์และมีความละเอียดรอบคอบสูง
ในวงการไอที Software Tester คือ ตำแหน่งที่อาจเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท เช่น Quality Assurance Engineer (QA), Quality Engineer หรือ Software Test Engineer แต่โดยพื้นฐานแล้วมีหน้าที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นผู้ตรวจสอบและรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์มีคุณภาพและทำงานได้ตามที่ต้องการ
การทำงานของ Software Tester เปรียบเสมือนเป็นด่านสุดท้ายก่อนที่ซอฟต์แวร์จะออกสู่ตลาด ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ใช้งานง่าย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
Software Testing คืออะไร?
Software Testing คือ กระบวนการประเมินและปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น แล้วนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเหล่านั้นก่อนที่ซอฟต์แวร์จะถึงมือผู้ใช้งาน การทดสอบซอฟต์แวร์ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
Software Testing คือขั้นตอนสำคัญในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Life Cycle) ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพ ทำงานได้ตามความต้องการ และมีความเสถียร ทั้งนี้ การที่องค์กรใดจะรับทดสอบ Software ต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในกระบวนการทดสอบอย่างลึกซึ้ง
หน้าที่ของ Software Tester
Software Tester มีบทบาทสำคัญในทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำหน้าที่เป็นด่านสุดท้ายในการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า การทำงานของ Software Tester ครอบคลุมหลากหลายขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการสรุปผล โดยมีหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้:
- วิเคราะห์ความต้องการในการทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ – เข้าใจว่าซอฟต์แวร์ต้องทำงานอย่างไรและวางแผนการทดสอบให้ครอบคลุม
- วางแผนการทดสอบตามเป้าหมาย – กำหนดวิธีการ ขอบเขต และระยะเวลาในการทดสอบให้เหมาะสม
- ทำ Design Test Cases – ออกแบบกรณีทดสอบเพื่อตรวจสอบความลื่นไหลและความผิดปกติของแอปพลิเคชัน
- สร้าง Test Cases และ Test Scenarios – จำลองเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานโปรแกรม และเตรียมขั้นตอนการทดสอบที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้งาน
- เขียน Test Script – สร้างชุดคำสั่งสำหรับการทดสอบอัตโนมัติหรือใช้เป็นแผนในการทดสอบระบบ
- ติดตั้ง Setup Environment – เตรียมและติดตั้งสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบ
- ทำการทดสอบระบบ (Execute Testing) – ดำเนินการทดสอบตามแผนที่วางไว้ ทั้งในรูปแบบ Manual Testing และ Automated Testing
- สรุปผลการทดสอบ – รวบรวมและวิเคราะห์ผลการทดสอบ แล้วรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป
- จัดทำคู่มือการใช้งาน – ในบางบริษัท Software Tester อาจต้องรับผิดชอบในการจัดทำคู่มือการใช้งานโปรแกรมด้วย
รูปแบบการทดสอบซอฟต์แวร์
การทดสอบซอฟต์แวร์มี 2 รูปแบบหลัก ๆ ที่ Tester Program จำเป็นต้องเข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับโปรเจค ได้แก่:
1. Manual Testing
Manual Tester คือผู้ที่ทำการทดสอบซอฟต์แวร์แบบด้วยมือ โดยจำลองตัวเองเป็นผู้ใช้งานจริง แล้วทดลองใช้งานซอฟต์แวร์ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน Test Script ทีละขั้นตอน ซึ่งวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดและเห็นข้อบกพร่องได้ชัดเจน การทำงานของ Manual Tester คือการตรวจสอบที่ละเอียดรอบคอบและเน้นมุมมองของผู้ใช้งานจริง
ข้อดีของ Manual Testing:
- คุ้มค่าในระยะสั้น และมีประสิทธิภาพสูงในการค้นหาปัญหา
- ลงทุนน้อยกว่า Automated Testing
- สามารถมองเห็นปัญหาจากมุมมองของผู้ใช้งานจริงได้
- เหมาะกับโปรเจคขนาดเล็กหรือการทดสอบเฉพาะจุด
ข้อเสียของ Manual Testing:
- ใช้เวลานานและต้องทำซ้ำ ๆ ในแต่ละรอบการพัฒนา
- ไม่เหมาะกับการทดสอบข้อมูลจำนวนมาก
- อาจเกิดความเหนื่อยล้าและผิดพลาดจากมนุษย์ได้
2. Automated Testing
Automated Testing เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมช่วยในการทดสอบ โดยการเขียนโค้ดหรือสคริปต์ให้คอมพิวเตอร์ทำการทดสอบโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานคนในการทดสอบซ้ำ ๆ บริษัทที่รับทดสอบ Software ขนาดใหญ่มักจะนิยมใช้วิธีนี้เพื่อรองรับโปรเจคที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน
ข้อดีของ Automated Testing:
- ประหยัดเวลาในการทดสอบซ้ำ ๆ หรือการทดสอบระยะยาว
- สามารถจำลองผู้ใช้งานจำนวนมากพร้อมกันได้
- เหมาะกับการทดสอบข้อมูลจำนวนมาก
- คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับโปรเจคขนาดใหญ่
ข้อเสียของ Automated Testing:
- ลงทุนสูงในช่วงเริ่มต้น
- ต้องใช้ผู้ที่มีทักษะในการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้าง Test Script
- ไม่สามารถทดแทน Manual Testing ได้ทั้งหมด
- ไม่คุ้มค่าสำหรับโปรเจคระยะสั้น
ทักษะที่จำเป็นสำหรับ Software Tester
หากคุณสนใจที่จะประกอบอาชีพ Software Tester คุณควรมีทักษะต่าง ๆ ดังนี้:
Hard Skills (ทักษะทางเทคนิค)
การเป็น Software Tester ที่มีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถตรวจสอบและประเมินคุณภาพของซอฟต์แวร์ได้อย่างครอบคลุม ต่อไปนี้คือทักษะทางเทคนิคสำคัญที่ Software Tester ควรมี:
- ความรู้พื้นฐานด้าน Testing Software – เข้าใจหลักการและกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์
- Foundation of Testing – รู้พื้นฐานการทดสอบระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
- Testing the Software Life Cycle – เข้าใจวงจรการพัฒนาและการทดสอบซอฟต์แวร์
- การวิเคราะห์ Requirement – สามารถวิเคราะห์ความต้องการของระบบได้
- การออกแบบ Test Case – มีทักษะในการออกแบบกรณีทดสอบที่ครอบคลุม
- Static Technique – มีเทคนิคการตรวจสอบและอ่านสถิติอย่างแม่นยำ
- Test Design Techniques – รู้เทคนิคการออกแบบการทดสอบต่าง ๆ
- Test Management – สามารถจัดการกระบวนการทดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Mobile Testing – มีความรู้ในการทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- Business Analysis – เข้าใจการวิเคราะห์ธุรกิจเพื่อนำมาใช้ในการทดสอบ
- Performance Testing – สามารถทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของซอฟต์แวร์
- Security Testing – มีความรู้ในการทดสอบความปลอดภัยของระบบ
- Automation Testing – รู้จักการใช้เครื่องมือและเทคนิคในการทดสอบอัตโนมัติ
- รู้จัก Tools for support Testing – เข้าใจเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการทดสอบ
- ความเข้าใจเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม และปลั๊กอิน – มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์
- Data Management – เข้าใจการจัดการข้อมูลและระบบจัดการลูกค้า
Soft Skills (ทักษะด้านอื่น ๆ)
นอกจากทักษะทางเทคนิคแล้ว Software Tester ที่ประสบความสำเร็จยังต้องมีทักษะด้านอื่น ๆ (Soft Skills) ที่จะช่วยเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในการทำงานร่วมกับทีมและการสื่อสารข้อผิดพลาดที่พบ ทักษะเหล่านี้ประกอบด้วย:
- ทักษะการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลและคิดนอกกรอบ (Logical and Lateral Thinking) – สามารถวิเคราะห์ปัญหาและคิดสร้างสรรค์เพื่อหาวิธีการทดสอบที่ครอบคลุม
- ทักษะการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) – มีความสามารถในการระบุและแก้ไขปัญหาที่พบระหว่างการทดสอบ
- ทักษะการรายงานผลและสื่อสาร (Reporting and Communication) – สามารถสื่อสารผลการทดสอบและข้อบกพร่องที่พบได้อย่างชัดเจน
- ทักษะการจัดการงานแบบโปรเจค (Project Management) – สามารถบริหารจัดการกระบวนการทดสอบและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องได้
Software Tester กับ QA ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่า Software Tester กับ Quality Assurance (QA) ต่างกันอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองตำแหน่งมีหน้าที่ที่คล้ายคลึงกัน แต่มีขอบเขตงานที่แตกต่างกันเล็กน้อย:
Quality Assurance (QA)
- มีขอบเขตงานที่กว้างกว่า ครอบคลุมทุกส่วนของการประเมินคุณภาพซอฟต์แวร์
- มีส่วนร่วมในการกำหนด Requirement และวางแผนการทดสอบตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจค
- ต้องมีความรู้ทั้งด้านการทดสอบและด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
- ดูแลทุกกระบวนการทดสอบตั้งแต่ Unit Testing ไปจนถึง User Acceptance Tests
- ทำงานร่วมกับทั้งทีมพัฒนาและทีมธุรกิจ
Software Tester
- มีขอบเขตงานที่เฉพาะเจาะจงกว่า เน้นที่การทดสอบการทำงานของโค้ดและค้นหา Bug
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านธุรกิจมากนัก แต่ต้องเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือทดสอบ
- มักจะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของ Unit Testing และ Integration Tests
- ทำงานภายใต้ทีมพัฒนาหรือทีม QA
อย่างไรก็ตาม ในหลายบริษัท ทั้งสองตำแหน่งอาจถูกใช้สลับกันหรือมีหน้าที่ที่ทับซ้อนกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและนโยบายของแต่ละองค์กร
เส้นทางอาชีพและความก้าวหน้าของ Software Tester
หนึ่งในข้อดีของการเป็น Software Tester คือมีเส้นทางอาชีพที่หลากหลายและโอกาสเติบโตไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ทักษะการวิเคราะห์ และประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับทีมพัฒนา ทำให้ Software Tester สามารถก้าวหน้าได้ทั้งในสายงานเดิมและขยับขยายไปสู่บทบาทอื่นในวงการไอที เส้นทางอาชีพที่เป็นไปได้มีดังนี้:
- Test Manager – บริหารทีมทดสอบและกำหนดกลยุทธ์การทดสอบ
- Quality Assurance Manager – ดูแลภาพรวมของการรับประกันคุณภาพทั้งองค์กร
- Business Analyst – วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจและแปลงเป็นข้อกำหนดทางเทคนิค
- Project Manager – บริหารจัดการโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์
- Developer – พัฒนาต่อยอดเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์
ด้วยพื้นฐานความรู้ด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ ทักษะการวิเคราะห์ และความเข้าใจในกระบวนการทำงานของโปรแกรม ทำให้ Software Tester สามารถต่อยอดไปทำงานในตำแหน่งอื่น ๆ ในสายงานไอทีได้อีกมากมาย
เงินเดือนและผลตอบแทนของ Software Tester
อาชีพ Software Tester เป็นอาชีพที่มีฐานเงินเดือนที่ดีและมีโอกาสเติบโตตามประสบการณ์:
- เด็กจบใหม่ – เงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท
- ประสบการณ์ 3-5 ปี – เงินเดือนประมาณ 30,000-45,000 บาท
- ประสบการณ์มากกว่า 5 ปี – เงินเดือนตั้งแต่ 45,000-60,000 บาทขึ้นไป
เงินเดือนอาจแตกต่างกันไปตามขนาดของบริษัท ประเภทของอุตสาหกรรม ทักษะเฉพาะทาง และทำเลที่ตั้งของบริษัท
บริการ Software Testing Services จาก RED CODE
RED CODE เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร โดยเป็นการรวมตัวของนักพัฒนาและทีมงานที่มีประสบการณ์กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากมาย เรามุ่งมั่นนำระบบและเทคโนโลยีระดับองค์กรมาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับ SMEs ไทย ด้วยโซลูชันที่เหมาะสมในราคาที่ดีที่สุด
เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ของธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาด บริษัทของเรารับทดสอบ Software อย่างครบวงจร โดยทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทดสอบซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนเว็บ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือระบบองค์กรขนาดใหญ่ เรามี Tester Program ที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์สูงพร้อมให้บริการคุณ
บริการการทดสอบซอฟต์แวร์ของเรามีดังนี้:
- Functional Testing – ทดสอบการทำงานของทุกฟีเจอร์ในซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการ
- Performance Testing – ทดสอบประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบภายใต้สภาวะการใช้งานต่างๆ
- Security Testing – ตรวจสอบช่องโหว่และความปลอดภัยของระบบเพื่อป้องกันการโจมตี
- Mobile App Testing – ทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หลากหลายรุ่นและระบบปฏิบัติการ
- User Acceptance Testing – จัดการและดำเนินการทดสอบร่วมกับผู้ใช้งานจริง
- Automated Testing Solutions – พัฒนาระบบทดสอบอัตโนมัติเพื่อลดเวลาและต้นทุน
- Consulting Services – ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การทดสอบและการรับประกันคุณภาพ
ด้วยมาตรฐานระดับองค์กรใหญ่แต่ราคาที่เหมาะสมสำหรับ SMEs ไทย RED CODE พร้อมยกระดับคุณภาพซอฟต์แวร์ของคุณด้วยบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ติดต่อเราเพื่อรับทดสอบ Software ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ ด้วยทีม Software Tester ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญพัฒนาบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูง โดยทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทดสอบซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนเว็บ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือระบบองค์กรขนาดใหญ่ บริการของเรามีดังนี้:
- Functional Testing – ทดสอบการทำงานของทุกฟีเจอร์ในซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการ
- Performance Testing – ทดสอบประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบภายใต้สภาวะการใช้งานต่าง ๆ
- Security Testing – ตรวจสอบช่องโหว่และความปลอดภัยของระบบเพื่อป้องกันการโจมตี
- Mobile App Testing – ทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หลากหลายรุ่นและระบบปฏิบัติการ
- User Acceptance Testing – จัดการและดำเนินการทดสอบร่วมกับผู้ใช้งานจริง
- Automated Testing Solutions – พัฒนาระบบทดสอบอัตโนมัติเพื่อลดเวลาและต้นทุน
- Consulting Services – ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การทดสอบและการรับประกันคุณภาพ
ติดต่อเราเพื่อรับบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ
สรุป
Software Tester คือ อาชีพสำคัญในวงการไอทีที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ก่อนส่งถึงมือผู้ใช้ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
Tester Program ต้องมีทั้งทักษะทางเทคนิคและทักษะอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ทั้งManual Tester ที่ทดสอบด้วยมุมมองผู้ใช้งานและ Automated Testing ที่ช่วยประหยัดเวลาในโปรเจคใหญ่ ล้วนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการการทดสอบซอฟต์แวร์
อาชีพนี้มีโอกาสเติบโตสูง มีฐานเงินเดือนดีและเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาข้อผิดพลาด มีความละเอียดรอบคอบ และชอบงานท้าทาย
หากคุณเป็นองค์กรที่ต้องการรับทดสอบ Software คุณภาพสูง การเลือก Tester ที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อย
Software Tester กับ QA ต่างกันยังไง?
Software Tester เน้นการค้นหาบั๊กและข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ก่อนที่ผู้ใช้จะพบในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง รวมถึงจัดทำรายงานประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ ส่วน Software QA Engineer มีขอบเขตกว้างกว่า โดยมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการส่งมอบ ทำให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ตรงตามมาตรฐานคุณภาพและความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
ตําแหน่ง Software Tester มีหน้าที่อะไรบ้าง?
Software Tester มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของซอฟต์แวร์ผ่านการทดสอบระบบในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น โดยทำงานหลังจากทีมโปรแกรมเมอร์พัฒนาซอฟต์แวร์เสร็จ แต่ก่อนการส่งมอบให้ลูกค้า วัตถุประสงค์หลักคือการรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพสูงและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน
เงินเดือนของ Software Tester เริ่มต้นที่เท่าไหร่?
เงินเดือนของ Software Tester มีอัตราที่น่าสนใจ โดยสำหรับผู้เริ่มต้นอาชีพหรือเด็กจบใหม่ เงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท เมื่อมีประสบการณ์ 3-5 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000-45,000 บาท และสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี เงินเดือนอาจสูงถึง 60,000 บาทขึ้นไป นอกจากเงินเดือนที่สูงแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตในสายงานได้ไกล ทั้งในตำแหน่ง Test Manager หรือสายงานบริหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
Software Tester คือใคร? มีหน้าที่อะไร?
Software Tester คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์ อาชีพนี้อาจมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น Tester, Quality Assurance Engineer หรือ Quality Engineer แต่ล้วนมีหน้าที่หลักคล้ายกัน คือทดสอบระบบและค้นหาข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ โดยใช้ทั้งเทคนิคการทดสอบแบบ Manual และ Automated เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทำงานได้อย่างถูกต้องตามความต้องการและมีความเสถียรสูงก่อนส่งมอบให้ผู้ใช้งาน




