Software Tester คืออะไร? หน้าที่ ทักษะที่จำเป็น และโอกาสในสายอาชีพ

Software Tester คืออะไร? อาชีพสายไอทีที่คุณควรรู้

หากพูดถึงอาชีพในวงการไอที หลายคนอาจนึกถึง Programmer, Developer หรือ Business Analyst กันก่อน แต่มีอีกหนึ่งตำแหน่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน แถมยังเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงและเงินเดือนดีอีกด้วย นั่นคือ “Software Tester” หรือนักทดสอบซอฟต์แวร์นั่นเอง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาชีพ Tester Program และการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาชีพ Software Tester อย่างละเอียด ทั้งในแง่ของลักษณะงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ทักษะที่จำเป็น ตลอดจนโอกาสเติบโตและค่าตอบแทนในสายอาชีพนี้

Software Tester คืออะไร?

Software Tester คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ทดสอบคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์หรือนักพัฒนา โดยมีภารกิจหลักในการค้นหาข้อบกพร่อง (bugs) หรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก่อนที่ซอฟต์แวร์จะถูกส่งไปถึงมือผู้ใช้งานจริง สำหรับผู้ที่สนใจเป็น Tester Program จำเป็นต้องมีความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์และมีความละเอียดรอบคอบสูง

ในวงการไอที Software Tester คือ ตำแหน่งที่อาจเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท เช่น Quality Assurance Engineer (QA), Quality Engineer หรือ Software Test Engineer แต่โดยพื้นฐานแล้วมีหน้าที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นผู้ตรวจสอบและรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์มีคุณภาพและทำงานได้ตามที่ต้องการ

การทำงานของ Software Tester เปรียบเสมือนเป็นด่านสุดท้ายก่อนที่ซอฟต์แวร์จะออกสู่ตลาด ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ใช้งานง่าย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน

Software Testing คืออะไร?

Software Testing คือ กระบวนการประเมินและปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น แล้วนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเหล่านั้นก่อนที่ซอฟต์แวร์จะถึงมือผู้ใช้งาน การทดสอบซอฟต์แวร์ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Software Testing คือขั้นตอนสำคัญในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Life Cycle) ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพ ทำงานได้ตามความต้องการ และมีความเสถียร ทั้งนี้ การที่องค์กรใดจะรับทดสอบ Software ต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในกระบวนการทดสอบอย่างลึกซึ้ง

หน้าที่ของ Software Tester

Software Tester มีบทบาทสำคัญในทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำหน้าที่เป็นด่านสุดท้ายในการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า การทำงานของ Software Tester ครอบคลุมหลากหลายขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการสรุปผล โดยมีหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้:

  1. วิเคราะห์ความต้องการในการทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ – เข้าใจว่าซอฟต์แวร์ต้องทำงานอย่างไรและวางแผนการทดสอบให้ครอบคลุม
  2. วางแผนการทดสอบตามเป้าหมาย – กำหนดวิธีการ ขอบเขต และระยะเวลาในการทดสอบให้เหมาะสม
  3. ทำ Design Test Cases – ออกแบบกรณีทดสอบเพื่อตรวจสอบความลื่นไหลและความผิดปกติของแอปพลิเคชัน
  4. สร้าง Test Cases และ Test Scenarios – จำลองเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานโปรแกรม และเตรียมขั้นตอนการทดสอบที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้งาน
  5. เขียน Test Script – สร้างชุดคำสั่งสำหรับการทดสอบอัตโนมัติหรือใช้เป็นแผนในการทดสอบระบบ
  6. ติดตั้ง Setup Environment – เตรียมและติดตั้งสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบ
  7. ทำการทดสอบระบบ (Execute Testing) – ดำเนินการทดสอบตามแผนที่วางไว้ ทั้งในรูปแบบ Manual Testing และ Automated Testing
  8. สรุปผลการทดสอบ – รวบรวมและวิเคราะห์ผลการทดสอบ แล้วรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป
  9. จัดทำคู่มือการใช้งาน – ในบางบริษัท Software Tester อาจต้องรับผิดชอบในการจัดทำคู่มือการใช้งานโปรแกรมด้วย

รูปแบบการทดสอบซอฟต์แวร์

การทดสอบซอฟต์แวร์มี 2 รูปแบบหลัก ๆ ที่ Tester Program จำเป็นต้องเข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับโปรเจค ได้แก่:

1. Manual Testing

Manual Tester คือผู้ที่ทำการทดสอบซอฟต์แวร์แบบด้วยมือ โดยจำลองตัวเองเป็นผู้ใช้งานจริง แล้วทดลองใช้งานซอฟต์แวร์ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน Test Script ทีละขั้นตอน ซึ่งวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดและเห็นข้อบกพร่องได้ชัดเจน การทำงานของ Manual Tester คือการตรวจสอบที่ละเอียดรอบคอบและเน้นมุมมองของผู้ใช้งานจริง

ข้อดีของ Manual Testing:

  • คุ้มค่าในระยะสั้น และมีประสิทธิภาพสูงในการค้นหาปัญหา
  • ลงทุนน้อยกว่า Automated Testing
  • สามารถมองเห็นปัญหาจากมุมมองของผู้ใช้งานจริงได้
  • เหมาะกับโปรเจคขนาดเล็กหรือการทดสอบเฉพาะจุด

ข้อเสียของ Manual Testing:

  • ใช้เวลานานและต้องทำซ้ำ ๆ ในแต่ละรอบการพัฒนา
  • ไม่เหมาะกับการทดสอบข้อมูลจำนวนมาก
  • อาจเกิดความเหนื่อยล้าและผิดพลาดจากมนุษย์ได้

2. Automated Testing

Automated Testing เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมช่วยในการทดสอบ โดยการเขียนโค้ดหรือสคริปต์ให้คอมพิวเตอร์ทำการทดสอบโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานคนในการทดสอบซ้ำ ๆ บริษัทที่รับทดสอบ Software ขนาดใหญ่มักจะนิยมใช้วิธีนี้เพื่อรองรับโปรเจคที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน

ข้อดีของ Automated Testing:

  • ประหยัดเวลาในการทดสอบซ้ำ ๆ หรือการทดสอบระยะยาว
  • สามารถจำลองผู้ใช้งานจำนวนมากพร้อมกันได้
  • เหมาะกับการทดสอบข้อมูลจำนวนมาก
  • คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับโปรเจคขนาดใหญ่

ข้อเสียของ Automated Testing:

  • ลงทุนสูงในช่วงเริ่มต้น
  • ต้องใช้ผู้ที่มีทักษะในการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้าง Test Script
  • ไม่สามารถทดแทน Manual Testing ได้ทั้งหมด
  • ไม่คุ้มค่าสำหรับโปรเจคระยะสั้น

ทักษะที่จำเป็นสำหรับ Software Tester

หากคุณสนใจที่จะประกอบอาชีพ Software Tester คุณควรมีทักษะต่าง ๆ ดังนี้:

Hard Skills (ทักษะทางเทคนิค)

การเป็น Software Tester ที่มีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถตรวจสอบและประเมินคุณภาพของซอฟต์แวร์ได้อย่างครอบคลุม ต่อไปนี้คือทักษะทางเทคนิคสำคัญที่ Software Tester ควรมี:

  1. ความรู้พื้นฐานด้าน Testing Software – เข้าใจหลักการและกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์
  2. Foundation of Testing – รู้พื้นฐานการทดสอบระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
  3. Testing the Software Life Cycle – เข้าใจวงจรการพัฒนาและการทดสอบซอฟต์แวร์
  4. การวิเคราะห์ Requirement – สามารถวิเคราะห์ความต้องการของระบบได้
  5. การออกแบบ Test Case – มีทักษะในการออกแบบกรณีทดสอบที่ครอบคลุม
  6. Static Technique – มีเทคนิคการตรวจสอบและอ่านสถิติอย่างแม่นยำ
  7. Test Design Techniques – รู้เทคนิคการออกแบบการทดสอบต่าง ๆ
  8. Test Management – สามารถจัดการกระบวนการทดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  9. Mobile Testing – มีความรู้ในการทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  10. Business Analysis – เข้าใจการวิเคราะห์ธุรกิจเพื่อนำมาใช้ในการทดสอบ
  11. Performance Testing – สามารถทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของซอฟต์แวร์
  12. Security Testing – มีความรู้ในการทดสอบความปลอดภัยของระบบ
  13. Automation Testing – รู้จักการใช้เครื่องมือและเทคนิคในการทดสอบอัตโนมัติ
  14. รู้จัก Tools for support Testing – เข้าใจเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการทดสอบ
  15. ความเข้าใจเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม และปลั๊กอิน – มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์
  16. Data Management – เข้าใจการจัดการข้อมูลและระบบจัดการลูกค้า

Soft Skills (ทักษะด้านอื่น ๆ)

นอกจากทักษะทางเทคนิคแล้ว Software Tester ที่ประสบความสำเร็จยังต้องมีทักษะด้านอื่น ๆ (Soft Skills) ที่จะช่วยเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในการทำงานร่วมกับทีมและการสื่อสารข้อผิดพลาดที่พบ ทักษะเหล่านี้ประกอบด้วย:

  1. ทักษะการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลและคิดนอกกรอบ (Logical and Lateral Thinking) – สามารถวิเคราะห์ปัญหาและคิดสร้างสรรค์เพื่อหาวิธีการทดสอบที่ครอบคลุม
  2. ทักษะการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) – มีความสามารถในการระบุและแก้ไขปัญหาที่พบระหว่างการทดสอบ
  3. ทักษะการรายงานผลและสื่อสาร (Reporting and Communication) – สามารถสื่อสารผลการทดสอบและข้อบกพร่องที่พบได้อย่างชัดเจน
  4. ทักษะการจัดการงานแบบโปรเจค (Project Management) – สามารถบริหารจัดการกระบวนการทดสอบและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องได้

Software Tester กับ QA ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจสงสัยว่า Software Tester กับ Quality Assurance (QA) ต่างกันอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองตำแหน่งมีหน้าที่ที่คล้ายคลึงกัน แต่มีขอบเขตงานที่แตกต่างกันเล็กน้อย:

Quality Assurance (QA)

  • มีขอบเขตงานที่กว้างกว่า ครอบคลุมทุกส่วนของการประเมินคุณภาพซอฟต์แวร์
  • มีส่วนร่วมในการกำหนด Requirement และวางแผนการทดสอบตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจค
  • ต้องมีความรู้ทั้งด้านการทดสอบและด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
  • ดูแลทุกกระบวนการทดสอบตั้งแต่ Unit Testing ไปจนถึง User Acceptance Tests
  • ทำงานร่วมกับทั้งทีมพัฒนาและทีมธุรกิจ

Software Tester

  • มีขอบเขตงานที่เฉพาะเจาะจงกว่า เน้นที่การทดสอบการทำงานของโค้ดและค้นหา Bug
  • ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านธุรกิจมากนัก แต่ต้องเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือทดสอบ
  • มักจะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของ Unit Testing และ Integration Tests
  • ทำงานภายใต้ทีมพัฒนาหรือทีม QA

อย่างไรก็ตาม ในหลายบริษัท ทั้งสองตำแหน่งอาจถูกใช้สลับกันหรือมีหน้าที่ที่ทับซ้อนกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและนโยบายของแต่ละองค์กร

เส้นทางอาชีพและความก้าวหน้าของ Software Tester

หนึ่งในข้อดีของการเป็น Software Tester คือมีเส้นทางอาชีพที่หลากหลายและโอกาสเติบโตไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ทักษะการวิเคราะห์ และประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับทีมพัฒนา ทำให้ Software Tester สามารถก้าวหน้าได้ทั้งในสายงานเดิมและขยับขยายไปสู่บทบาทอื่นในวงการไอที เส้นทางอาชีพที่เป็นไปได้มีดังนี้:

  1. Test Manager – บริหารทีมทดสอบและกำหนดกลยุทธ์การทดสอบ
  2. Quality Assurance Manager – ดูแลภาพรวมของการรับประกันคุณภาพทั้งองค์กร
  3. Business Analyst – วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจและแปลงเป็นข้อกำหนดทางเทคนิค
  4. Project Manager – บริหารจัดการโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์
  5. Developer – พัฒนาต่อยอดเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์

ด้วยพื้นฐานความรู้ด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ ทักษะการวิเคราะห์ และความเข้าใจในกระบวนการทำงานของโปรแกรม ทำให้ Software Tester สามารถต่อยอดไปทำงานในตำแหน่งอื่น ๆ ในสายงานไอทีได้อีกมากมาย

เงินเดือนและผลตอบแทนของ Software Tester

อาชีพ Software Tester เป็นอาชีพที่มีฐานเงินเดือนที่ดีและมีโอกาสเติบโตตามประสบการณ์:

  • เด็กจบใหม่ – เงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท
  • ประสบการณ์ 3-5 ปี – เงินเดือนประมาณ 30,000-45,000 บาท
  • ประสบการณ์มากกว่า 5 ปี – เงินเดือนตั้งแต่ 45,000-60,000 บาทขึ้นไป

เงินเดือนอาจแตกต่างกันไปตามขนาดของบริษัท ประเภทของอุตสาหกรรม ทักษะเฉพาะทาง และทำเลที่ตั้งของบริษัท

บริการ Software Testing Services จาก RED CODE

RED CODE เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร โดยเป็นการรวมตัวของนักพัฒนาและทีมงานที่มีประสบการณ์กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากมาย เรามุ่งมั่นนำระบบและเทคโนโลยีระดับองค์กรมาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับ SMEs ไทย ด้วยโซลูชันที่เหมาะสมในราคาที่ดีที่สุด

เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ของธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาด บริษัทของเรารับทดสอบ Software อย่างครบวงจร โดยทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทดสอบซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนเว็บ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือระบบองค์กรขนาดใหญ่ เรามี Tester Program ที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์สูงพร้อมให้บริการคุณ

บริการการทดสอบซอฟต์แวร์ของเรามีดังนี้:

  1. Functional Testing – ทดสอบการทำงานของทุกฟีเจอร์ในซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการ
  2. Performance Testing – ทดสอบประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบภายใต้สภาวะการใช้งานต่างๆ
  3. Security Testing – ตรวจสอบช่องโหว่และความปลอดภัยของระบบเพื่อป้องกันการโจมตี
  4. Mobile App Testing – ทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หลากหลายรุ่นและระบบปฏิบัติการ
  5. User Acceptance Testing – จัดการและดำเนินการทดสอบร่วมกับผู้ใช้งานจริง
  6. Automated Testing Solutions – พัฒนาระบบทดสอบอัตโนมัติเพื่อลดเวลาและต้นทุน
  7. Consulting Services – ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การทดสอบและการรับประกันคุณภาพ

ด้วยมาตรฐานระดับองค์กรใหญ่แต่ราคาที่เหมาะสมสำหรับ SMEs ไทย RED CODE พร้อมยกระดับคุณภาพซอฟต์แวร์ของคุณด้วยบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ติดต่อเราเพื่อรับทดสอบ Software ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ ด้วยทีม Software Tester ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญพัฒนาบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูง โดยทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทดสอบซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนเว็บ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือระบบองค์กรขนาดใหญ่ บริการของเรามีดังนี้:

  1. Functional Testing – ทดสอบการทำงานของทุกฟีเจอร์ในซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการ
  2. Performance Testing – ทดสอบประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบภายใต้สภาวะการใช้งานต่าง ๆ
  3. Security Testing – ตรวจสอบช่องโหว่และความปลอดภัยของระบบเพื่อป้องกันการโจมตี
  4. Mobile App Testing – ทดสอบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หลากหลายรุ่นและระบบปฏิบัติการ
  5. User Acceptance Testing – จัดการและดำเนินการทดสอบร่วมกับผู้ใช้งานจริง
  6. Automated Testing Solutions – พัฒนาระบบทดสอบอัตโนมัติเพื่อลดเวลาและต้นทุน
  7. Consulting Services – ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การทดสอบและการรับประกันคุณภาพ

ติดต่อเราเพื่อรับบริการทดสอบซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ

สรุป

Software Tester คือ อาชีพสำคัญในวงการไอทีที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ก่อนส่งถึงมือผู้ใช้ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

Tester Program ต้องมีทั้งทักษะทางเทคนิคและทักษะอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ทั้งManual Tester ที่ทดสอบด้วยมุมมองผู้ใช้งานและ Automated Testing ที่ช่วยประหยัดเวลาในโปรเจคใหญ่ ล้วนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการการทดสอบซอฟต์แวร์

อาชีพนี้มีโอกาสเติบโตสูง มีฐานเงินเดือนดีและเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาข้อผิดพลาด มีความละเอียดรอบคอบ และชอบงานท้าทาย

หากคุณเป็นองค์กรที่ต้องการรับทดสอบ Software คุณภาพสูง การเลือก Tester ที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย

Software Tester กับ QA ต่างกันยังไง?

Software Tester เน้นการค้นหาบั๊กและข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ก่อนที่ผู้ใช้จะพบในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง รวมถึงจัดทำรายงานประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ ส่วน Software QA Engineer มีขอบเขตกว้างกว่า โดยมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการส่งมอบ ทำให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ตรงตามมาตรฐานคุณภาพและความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง

ตําแหน่ง Software Tester มีหน้าที่อะไรบ้าง?

Software Tester มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของซอฟต์แวร์ผ่านการทดสอบระบบในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น โดยทำงานหลังจากทีมโปรแกรมเมอร์พัฒนาซอฟต์แวร์เสร็จ แต่ก่อนการส่งมอบให้ลูกค้า วัตถุประสงค์หลักคือการรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพสูงและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน

เงินเดือนของ Software Tester เริ่มต้นที่เท่าไหร่?

เงินเดือนของ Software Tester มีอัตราที่น่าสนใจ โดยสำหรับผู้เริ่มต้นอาชีพหรือเด็กจบใหม่ เงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท เมื่อมีประสบการณ์ 3-5 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000-45,000 บาท และสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี เงินเดือนอาจสูงถึง 60,000 บาทขึ้นไป นอกจากเงินเดือนที่สูงแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตในสายงานได้ไกล ทั้งในตำแหน่ง Test Manager หรือสายงานบริหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Software Tester คือใคร? มีหน้าที่อะไร?

Software Tester คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์ อาชีพนี้อาจมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น Tester, Quality Assurance Engineer หรือ Quality Engineer แต่ล้วนมีหน้าที่หลักคล้ายกัน คือทดสอบระบบและค้นหาข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ โดยใช้ทั้งเทคนิคการทดสอบแบบ Manual และ Automated เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทำงานได้อย่างถูกต้องตามความต้องการและมีความเสถียรสูงก่อนส่งมอบให้ผู้ใช้งาน

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.