Web Application Mobile: ทางเลือกที่คุ้มค่าในการเข้าถึงลูกค้า

Web Application Mobile

ในยุคที่เทคโนโลยีพลิกโฉมอย่างรวดเร็ว หลายคนยังสับสนว่า “เทคโนโลยี Web Application” กับ “Mobile App” แตกต่างกันยังไง? แล้วทำไมธุรกิจสมัยนี้ถึงต้องใส่ใจเรื่องการพัฒนา Web Application Mobile ที่ใช้งานบนมือถือได้ด้วย? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเรื่องราวทั้งหมดแบบเข้าใจง่าย ช่วยให้คุณเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับธุรกิจได้อย่างมั่นใจ!

Web Application คืออะไร? ต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปยังไง?

ความหมายของ Web App หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Web App คือโปรแกรมที่ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งแอปเต็มรูปแบบลงเครื่อง ทำให้ Web App กินทรัพยากรน้อย เปิดใช้งานได้ไวกว่า

ต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปตรงที่ เว็บไซต์เป็นแค่การรวมหน้าเว็บเพจที่มีเนื้อหาตายตัว ผู้ใช้แค่เข้าไปดูข้อมูล รูป หรือวิดีโอได้เท่านั้น ส่วน Web Application เป็นแอปที่โต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ทำให้ผู้ใช้จัดการข้อมูลได้ เช่น อีเมล หรือระบบจัดการโปรเจกต์ต่าง ๆ

พูดง่าย ๆ ประโยชน์ของ Web App คือ มันเป็นเว็บที่มีฟังก์ชันเหมือนแอปพลิเคชัน เปิดผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลด ยกตัวอย่าง Web App Mobile ที่เราใช้กันบ่อยๆ เช่น แอปคำนวณ, จับเวลา, Google Translate, Facebook, Instagram หรือร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada

ส่วนประกอบในการทำงานของ Web Application Mobile

การทำ Web Application Mobile ซับซ้อนกว่าเว็บทั่วไปนะ มีส่วนประกอบสำคัญ 4 อย่างที่ต้องรู้:

  1. Web Application – ตัวแอปที่รับข้อมูลและโต้ตอบกับผู้ใช้โดยตรง ทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำนวณ, ระบบสมาชิก, ซื้อขาย, ชำระเงิน, เก็บข้อมูล, บอกตำแหน่ง ทำแผนที่ นำทาง
  2. Web Browser – เครื่องมือที่ใช้เปิด Web App พวก Chrome, Firefox, Edge, Safari ทั้งในคอมและมือถือ ทำให้ เว็บแอปพลิเคชันสมัยใหม่ ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์
  3. Database – ฐานข้อมูลที่เก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ บางทีก็แยก Database Server ออกจาก Web Server เพื่อความปลอดภัยและจัดการง่ายขึ้น
  4. Web Server – ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงผ่านเน็ต รวมถึงรับ-ส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับระบบ ทำให้ Web App Mobile ทำงานลื่นไหลและปลอดภัย

การทำงานของ Web Application Mobile

Web Application Mobile มีสถาปัตยกรรมแบบไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ โค้ดของมันแบ่งเป็นสองส่วน:

สถาปัตยกรรมฝั่งไคลเอ็นต์ สคริปต์ฝั่งไคลเอ็นต์ดูแลเรื่องหน้าตาและการใช้งาน UI เช่น ปุ่มกด ดรอปดาวน์ต่าง ๆ พอผู้ใช้คลิกลิงก์ Web App Mobile เบราว์เซอร์จะโหลดสคริปต์พวกนี้และแสดงกราฟิก ข้อความในอินเตอร์เฟซ

สถาปัตยกรรมฝั่งเซิร์ฟเวอร์ สคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์จัดการเรื่องประมวลผลข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ของเว็บแอปจะรับคำขอจากผู้ใช้ แล้วส่งการตอบสนองกลับไป ส่วนใหญ่คำขอมักเป็นการขอข้อมูลเพิ่มหรือขอแก้ไข/บันทึกข้อมูลใหม่ บางครั้งเซิร์ฟเวอร์ก็ส่งหน้า HTML สมบูรณ์กลับไปให้ไคลเอ็นต์ เรียกว่าการแสดงผลฝั่งเซิร์ฟเวอร์

Web Application Mobile สำหรับคนกลุ่มไหนบ้าง?

Web Application Mobile ตอบโจทย์คนหลายกลุ่มแตกต่างกัน การเข้าใจว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้เลือกวิธีพัฒนาที่เหมาะสมที่สุด มาดูกันว่า Web App Mobile เวิร์กกับใครบ้าง:

1. เจ้าของธุรกิจเล็ก

ความต้องการ:

  • อยากได้โซลูชันที่ไม่แพงเกินไป
  • อยากเข้าถึงลูกค้าออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ
  • ไม่มีทีมเขียนโค้ดเอง

ทำไม Web App Mobile ถึงเหมาะ: Web Application Mobile คุ้มค่าที่สุดสำหรับเจ้าของธุรกิจเล็กที่งบจำกัด การทำ Web App Mobile ถูกกว่าทำ Native Mobile App เยอะ แต่ก็ยังให้บริการลูกค้าที่ใช้สมาร์ตโฟนได้ดี การดูแลรักษาก็ง่ายและประหยัดกว่า เพราะแก้ไขที่เดียวก็ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์

2. ผู้ใช้ทั่วไป

ความต้องการ:

  • อยากได้อะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก
  • ไม่อยากดาวน์โหลดแอปที่ใช้ไม่บ่อย
  • กังวลเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลในมือถือ

ทำไม Web App Mobile ถึงเหมาะ: คนทั่วไปไม่อยากดาวน์โหลดแอปที่ใช้แค่ไม่กี่ครั้ง Web App Mobile สะดวกตรงที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนดาวน์โหลดและติดตั้ง แค่เปิดเบราว์เซอร์ก็ใช้ได้เลย และไม่กินพื้นที่เก็บข้อมูลในมือถือ เหมาะมากสำหรับบริการที่ไม่ได้ใช้บ่อย ๆ

3. บริษัทขนาดกลางและใหญ่

ความต้องการ:

  • อยากได้โซลูชันที่ใช้ได้กับหลายแพลตฟอร์มและอุปกรณ์
  • มีทีมพัฒนาที่ถนัดเทคโนโลยีเว็บ
  • อยากอัปเดตระบบได้เร็ว ไม่ต้องรออนุมัติ

ทำไม Web App Mobile ถึงเหมาะ: สำหรับองค์กรที่มีผู้ใช้หลากหลาย Web App Mobile ช่วยให้พัฒนาระบบครั้งเดียวแต่ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ ทีมพัฒนาใช้ทักษะ HTML, CSS และ JavaScript ที่มีอยู่แล้ว อัปเดตระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ App Store หรือ Play Store อนุมัติ เหมาะมากกับระบบภายในองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

4. คนทำ E-Commerce

ความต้องการ:

  • อยากเข้าถึงลูกค้าได้ทุกแพลตฟอร์ม
  • อยากเปลี่ยนหน้าร้านและโปรโมชันได้บ่อย
  • อยากอัปเดตสินค้าใหม่ได้ไว

ทำไม Web App Mobile ถึงเหมาะ: สำหรับธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง Web App Mobile ช่วยให้อัปเดตสินค้า โปรโมชัน และหน้าร้านได้ทันที ไม่ว่าลูกค้าจะใช้อุปกรณ์อะไรก็เข้าถึงร้านค้าได้เหมือนกัน การทำ Progressive Web App (PWA) ยังช่วยให้ลูกค้าเพิ่มไอคอนร้านค้าบนหน้าจอหลักได้เหมือนแอปปกติ แต่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนดาวน์โหลดที่ยุ่งยาก

5. นักพัฒนาซอฟต์แวร์

ความต้องการ:

  • อยากพัฒนาได้เร็ว
  • อยากใช้ทักษะที่มีอยู่แล้ว
  • อยากทดสอบไอเดียก่อนลงทุนทำแอปเต็มรูปแบบ

ทำไม Web App Mobile ถึงเหมาะ: สำหรับนักพัฒนา Web App Mobile เป็นวิธีที่เร็วในการทดสอบไอเดียและสร้าง MVP โดยใช้ทักษะด้านเว็บที่มีอยู่แล้ว พัฒนาและเปิดตัวได้เร็วกว่า Native Mobile App เยอะ เหมาะสำหรับการทดสอบตลาดก่อนลงทุนทำแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบ

Mobile App คืออะไร? แตกต่างจาก Web App Mobile ยังไง?

Mobile Application ประกอบด้วยคำสองคำ คือ Mobile กับ Application โดย Mobile คืออุปกรณ์ที่พกพาได้ ทำงานได้เหมือนคอมพิวเตอร์ มีจุดเด่นคือเล็ก เบา ใช้พลังงานน้อย ส่วน Application คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยการทำงานของผู้ใช้ โดยมี User Interface (UI) เป็นตัวกลางในการใช้งาน

Mobile App เป็นโปรแกรมสำหรับมือถือและแท็บเล็ตโดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการหลัก ๆ คือ iOS และ Android ทำให้มีการพัฒนาแอปสำหรับสมาร์ทโฟนมากมาย เช่น แอปแชท, เกม, แผนที่ และอื่น ๆ อีกเพียบ

Mobile App แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. Native App – แอปที่พัฒนาสำหรับระบบปฏิบัติการเฉพาะ โดยใช้ภาษาโค้ดของแต่ละระบบ:
    • iOS ใช้ Swift หรือ Objective-C
    • Android ใช้ Java หรือ Kotlin
  2. Hybrid App – แอปที่ใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม พัฒนาด้วย HTML, CSS หรือ JavaScript ร่วมกับ component ที่ช่วยให้เรียกใช้ฮาร์ดแวร์และระบบของอุปกรณ์ได้ เมื่อพัฒนาเสร็จสามารถให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดจาก App Store หรือ Play Store ได้เหมือน Native App

Web App Mobile vs Mobile App: เลือกอะไรดีสำหรับธุรกิจ?

การตัดสินใจว่าจะทำ Web App Mobile หรือ Mobile App ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย มาดูความแตกต่างสำคัญระหว่าง Web App และ Mobile App:

ข้อดีของ Web Application Mobile:

  1. ค่าพัฒนาถูกและเร็ว – รับทำ Web App Mobile ใช้งบน้อยกว่าการรับทำ Mobile App
  2. ใช้ภาษาสากล – พัฒนาด้วย HTML/CSS/JavaScript ที่เป็นมาตรฐาน
  3. เขียนครั้งเดียวใช้ได้ทุกอุปกรณ์ – ไม่ต้องแยกเขียนตามระบบปฏิบัติการ
  4. ดูแลง่าย – แก้ไขที่เซิร์ฟเวอร์ครั้งเดียว ทุกคนได้เวอร์ชันล่าสุดทันที
  5. ไม่ต้องผ่านการอนุมัติ – ไม่ต้องส่งให้ App Store หรือ Play Store ตรวจสอบ
  6. เหมาะกับธุรกิจเล็ก – ค่าใช้จ่ายต่ำ และคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง
  7. ใช้งานได้ทุกที่ – แค่มีเน็ตกับเบราว์เซอร์ก็ใช้ได้เลย

ข้อดีของ Mobile Application:

  1. ประสิทธิภาพสูงกว่า – การรับทำ Mobile App ช่วยให้เข้าถึงฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ของอุปกรณ์ได้โดยตรง
  2. ใช้งานได้แม้ไม่มีเน็ต – บางฟีเจอร์ทำงานได้แบบออฟไลน์
  3. ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่า – ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม
  4. เข้าถึงฟีเจอร์ของอุปกรณ์ – ใช้กล้อง, GPS, การแจ้งเตือน และอื่น ๆ ได้เต็มที่
  5. ปลอดภัยมากกว่า – ผ่านการตรวจสอบจาก App Store หรือ Play Store

ประเภทของการพัฒนา Web Application Mobile

เมื่อคุณตัดสินใจพัฒนาแอปสำหรับมือถือ คุณมีตัวเลือก 3 แบบหลัก ๆ:

  1. Mobile Web App – Web Application ที่ออกแบบให้ใช้งานบนมือถือได้ดี
    • ข้อดี: ค่าพัฒนาถูก, เร็ว, ใช้ได้กับทุกเครื่อง
    • ข้อเสีย: ประสิทธิภาพสู้ Native Mobile App ไม่ได้, ลูกเล่นบางอย่างใช้ไม่ได้
    • เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่มีงบจำกัด ต้องการพัฒนาเร็ว และต้องการแค่ฟังก์ชันพื้นฐาน
  2. Hybrid App – ผสมระหว่าง Web App Mobile และ Native Mobile App
    • ข้อดี: พัฒนาง่าย, เข้าถึงลูกเล่นหลายอย่างได้, ติดตั้งลงเครื่องได้
    • ข้อเสีย: ยังมีการติดตั้งที่ยุ่งยาก, ประสิทธิภาพด้อยกว่า Native App
    • เหมาะสำหรับ: องค์กรที่ต้องการใช้ลูกเล่นของมือถือและต้องการลงทุกเครื่อง
  3. Native App – พัฒนา Mobile App เฉพาะสำหรับแต่ละระบบปฏิบัติการ
    • ข้อดี: ประสิทธิภาพสูงสุด, เข้าถึงทุกลูกเล่นของมือถือได้
    • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูง, ต้องแยกพัฒนาตามระบบปฏิบัติการ, ใช้เวลานาน
    • เหมาะสำหรับ: องค์กรใหญ่ที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด, เกม, แอปที่มีการคำนวณซับซ้อน

ทำไมธุรกิจต้องปรับตัวสู่ Web Application Mobile?

ยุคนี้ Google บอกแล้วว่าการค้นหาผ่านมือถือจะไม่แสดงเว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือในอันดับต้น ๆ คนใช้เว็บผ่านมือถือมีประมาณ 60% ของผู้ใช้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าถ้าเว็บคุณไม่รองรับมือถือ คุณอาจเสียลูกค้าไปถึง 60% เลยนะ!

ปัจจุบันผู้บริโภคเข้าเว็บผ่านมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องใส่ใจเรื่องการพัฒนา Web App Mobile เพื่อตอบสนองลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจคุณอยู่ในใจลูกค้า และเหนือกว่าคู่แข่ง

บริการ Web Application Mobile จาก RED CODE

บริษัท RED CODE เป็นบริษัทที่มุ่งมั่นออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจ ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ออกแบบจนถึงติดตั้งระบบ เรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Web Application Mobile ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล ด้วยทีมงานผู้มีประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์

บริการของเราที่เกี่ยวกับ Web Application Mobile:

  1. รับทำ Web App Mobile แบบ Responsive – สร้างระบบ Web Application ที่ปรับให้ใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน
  2. ปรับปรุงเว็บไซต์เดิมให้รองรับมือถือ – เปลี่ยนเว็บไซต์แบบเก่าให้กลายเป็น Mobile-Friendly Website เพื่อรองรับผู้ใช้งานยุคใหม่
  3. พัฒนา Progressive Web App (PWA) – สร้าง Web App Mobile ที่มีความสามารถเหมือนแอปพลิเคชันบนมือถือ แต่ไม่ต้องติดตั้ง
  4. ออกแบบ UX/UI สำหรับอุปกรณ์มือถือ – ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหมาะสมกับการใช้งานบนหน้าจอขนาดเล็ก
  5. รับทำ Mobile App แบบ Hybrid – สร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ได้ทั้งบน iOS และ Android ด้วยการเขียนโค้ดเพียงครั้งเดียว

ทำไมต้องเลือกเรา? RED CODE มีจุดเด่น 3 ประการ:

  1. ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรของคุณ – เราพัฒนา Web App Mobile ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร
  2. ขั้นตอนการทำงานแบบสกรัม (Agile) – เราใช้วิธีการบริหารโครงการที่เน้นความยืดหยุ่น และการรับฟังข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องในการพัฒนา Web Application Mobile
  3. ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้วยงบประมาณที่เหมาะสม – เราให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์คุณภาพระดับพรีเมียม ด้วยโครงสร้างราคาที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับงบประมาณขององค์กร

สรุป

Web Application Mobile คือโซลูชันคุ้มค่าสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัล ต้นทุนต่ำกว่า พัฒนาเร็วกว่า และดูแลง่ายกว่า การเลือกระหว่าง Web App Mobile หรือ Native Mobile App ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณ RED CODE พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยให้คุณตัดสินใจและพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง ในยุคที่ผู้ใช้เน็ตกว่า 60% เข้าเว็บผ่านมือถือ การมี Web App ที่รองรับมือถือจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน!

คำถามที่พบบ่อย

Web Application Mobile คืออะไร?

Web Application Mobile คือ โปรแกรมที่ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนมือถือได้โดยไม่ต้องติดตั้ง ออกแบบให้แสดงผลและใช้งานได้ดีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการได้ง่ายผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยมีฟังก์ชันการทำงานเหมือนแอปพลิเคชันทั่วไป

Web App Mobile ต่างจาก Native App อย่างไร?

Web App Mobile ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องติดตั้ง พัฒนาด้วย HTML/CSS/JavaScript และใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ส่วน Native App ต้องดาวน์โหลดติดตั้งจาก App Store/Play Store พัฒนาด้วยภาษาเฉพาะของแต่ละระบบ แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและเข้าถึงฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์ได้ดีกว่า

Web Application Mobile มีข้อดีอะไรบ้าง?

Web App Mobile มีค่าพัฒนาที่ถูกกว่าและเร็วกว่า ใช้ได้ทุกอุปกรณ์โดยไม่ต้องทำหลายเวอร์ชัน อัปเดตง่ายเพราะแก้ไขเพียงที่เดียว ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลดและติดตั้ง ไม่กินพื้นที่เก็บข้อมูลในอุปกรณ์ และไม่ต้องผ่านกระบวนการอนุมัติจาก App Store

ธุรกิจประเภทไหนที่เหมาะกับ Web Application Mobile?

ธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าได้ทุกแพลตฟอร์ม ธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือบริการบ่อย ๆ และต้องการความรวดเร็วในการอัปเดต รวมถึงธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงในการนำเสนอสินค้าและโปรโมชัน

Progressive Web App (PWA) คืออะไร?

Progressive Web App (PWA) คือ Web App ขั้นสูงที่มีคุณสมบัติเหมือน Native App มากขึ้น ผู้ใช้สามารถเพิ่มไอคอนลงหน้าจอหลักได้ บางส่วนของแอปสามารถทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต มีการแจ้งเตือนผู้ใช้ได้ และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ถือเป็นทางเลือกที่ลงตัวระหว่าง Web App และ Native App

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.