ซอฟต์แวร์มีกี่ชนิด? ประเภทไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ?

ซอฟต์แวร์มีกี่ชนิด

หลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า “ซอฟต์แวร์” กันอยู่แล้ว เพราะมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ โปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ หรือเกมที่เราเล่นกันทุกวัน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์มีกี่ประเภท? แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร? และประเภทไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับซอฟต์แวร์ให้มากขึ้นกัน!

ซอฟต์แวร์คืออะไร?

ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้ทำงานตามที่เราต้องการ เปรียบเสมือนตัวกลางที่นำพาผู้ใช้งานให้เข้าไปใช้ระบบต่างๆ ได้ ความหมาย Software จึงเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมฮาร์ดแวร์ (อุปกรณ์ที่จับต้องได้) ให้ทำงานตามคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ก็จะเป็นเพียงแค่กล่องโลหะที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ซอฟต์แวร์มีหน้าที่อะไร? หน้าที่หลัก คือ การควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้สามารถทำงานได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยการแปลงคำสั่งจากผู้ใช้ให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจได้

Software มีกี่ชนิด? ซอฟต์แวร์มีกี่ประเภท?

Software มีกี่ชนิด? โปรแกรมที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์นั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ทำให้ต้องมีการแบ่งประเภทของซอฟต์แวร์ตามหน้าที่การทำงาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)

ซอฟต์แวร์ระบบเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการกับฮาร์ดแวร์ โดยการจัดสรรทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล (CPU) หน่วยความจำ อุปกรณ์เชื่อมต่อ และอุปกรณ์เก็บข้อมูล เพื่อให้ซอฟต์แวร์ประยุกต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่คำอธิบายในเว็บไซต์ FutureLearn ได้อธิบายไว้

ซอฟต์แวร์ระบบเปรียบเสมือนฐานรากของสิ่งปลูกสร้าง ที่ต้องคอยยึดโครงสร้างทั้งหมดเอาไว้ หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ คอมพิวเตอร์ก็จะกลายเป็นเครื่องเปล่าที่ทำอะไรไม่ได้เลย การใช้งานซอฟต์แวร์ระบบจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกประเภท

ซอฟต์แวร์ระบบสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทย่อย ดังนี้:

1.1 ระบบปฏิบัติการ (Operating System)

ระบบปฏิบัติการเป็นซอฟต์แวร์ระบบสำคัญที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ทั้งหมด และรวมถึงซอฟต์แวร์ประยุกต์บางโปรแกรม เปรียบเสมือนตัวกลางที่ให้ผู้ใช้สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ได้

ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่คุณอาจคุ้นเคย:

  • Windows – ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
  • macOS – สำหรับคอมพิวเตอร์ Mac จากบริษัท Apple
  • Linux – ระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมมากสำหรับคอมทุกประเภท
  • Android – สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต
  • iOS – สำหรับอุปกรณ์พกพาของ Apple เช่น iPhone, iPad

1.2 โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (Language Translator)

โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้แปลภาษาโปรแกรมระดับสูง (เช่น C, Java, Python) ให้เป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและประมวลผลได้ (ภาษาเครื่อง)

โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท:

  • คอมไพเลอร์ (Compiler) – แปลรหัสต้นฉบับให้เป็นภาษาเครื่องทั้งหมด แล้วจึงประมวลผล
  • อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter) – แปลและประมวลผลทีละคำสั่ง
  • แอสเซมเบลอร์ (Assembler) – แปลภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง

1.3 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program)

โปรแกรมอรรถประโยชน์เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การทำงานของระบบปฏิบัติการมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้ การใช้งานซอฟต์แวร์ประเภทนี้ช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างโปรแกรมอรรถประโยชน์:

  • โปรแกรมจัดการไฟล์ (File manager) – ใช้จัดการไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ
  • โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (File compression) – ลดขนาดของไฟล์ให้เล็กลง
  • โปรแกรมสำรองไฟล์ (Backup) – สำรองข้อมูลสำคัญในกรณีที่เกิดความเสียหาย
  • โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่ดิสก์ (Disk defragmenter) – จัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ให้เป็นระบบ
  • โปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus) – ป้องกันและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์

1.4 โปรแกรมขับอุปกรณ์ (Device Driver)

โปรแกรมขับอุปกรณ์ หรือไดรเวอร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้

หากไม่มี Device Driver อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้ เช่น ถ้าไม่มีไดรเวอร์สำหรับเครื่องพิมพ์ เราก็จะไม่สามารถสั่งพิมพ์เอกสารได้

ไดรเวอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท:

  • Standard Driver – พัฒนาโดยบริษัทผู้ผลิต OS
  • Vendor-specific Driver – พัฒนาโดยบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นั้นๆ

2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานเฉพาะด้านตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ แต่ทำงานผ่านซอฟต์แวร์ระบบอีกทีหนึ่ง

ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นสิ่งที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์ด้วยโดยตรง เช่น โปรแกรม Software ประมวลผลคำ โปรแกรมตารางคำนวณ หรือเกม ซึ่งการใช้งานซอฟต์แวร์ ประเภทนี้เป็นสิ่งที่เราทำเป็นประจำในชีวิตประจำวัน การเลือกใช้เว็บแอปพลิเคชันที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน

ซอฟต์แวร์ประยุกต์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทย่อยตามการผลิต:

2.1 ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)

ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตได้สร้างขึ้นและวางขายทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานทั่วไปได้ แต่จะไม่ได้เน้นสำหรับงานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ

ตัวอย่างซอฟต์แวร์สำเร็จรูป:

  • โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing) – เช่น Microsoft Word, Google Docs
  • โปรแกรมตารางคำนวณ (Spreadsheet) – เช่น Microsoft Excel, Google Sheets
  • โปรแกรมนำเสนอ (Presentation) – เช่น Microsoft PowerPoint, Google Slides
  • โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (Database) – เช่น Microsoft Access, MySQL
  • โปรแกรมตกแต่งภาพ (Image Editing) – เช่น Adobe Photoshop, GIMP
  • โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ (Video Editing) – เช่น Adobe Premiere Pro, Final Cut Pro
  • เกม (Games) – เช่น Minecraft, PUBG, Dota 2

2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ (Custom Software)

ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะเป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับงานเฉพาะด้านตามความต้องการ มักจะเป็นการจ้างบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์หรือนักพัฒนาโดยตรง เพื่อผลิตซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมให้กับธุรกิจหรือองค์กร

ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะจะมีข้อดีคือ ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะด้าน ทำให้ได้ระบบที่ทำงานได้อย่างคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถขยายขนาดได้ตามความเติบโตของธุรกิจ

ซอฟต์แวร์ประเภทอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากซอฟต์แวร์ระบบและซอฟต์แวร์ประยุกต์แล้ว ยังมีซอฟต์แวร์ประเภทอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น:

1. ซอฟต์แวร์แบบฝัง (Embedded Software)

ซอฟต์แวร์แบบฝังเป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะ เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ตทีวี รถยนต์ เครื่องซักผ้า หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซอฟต์แวร์เหล่านี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นโดยเฉพาะ

2. ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส (Open Source Software)

ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเป็นซอฟต์แวร์ที่มีโค้ดต้นฉบับเปิดเผยให้สาธารณชนสามารถเข้าถึง แก้ไข และแจกจ่ายต่อได้ ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สมักจะพัฒนาโดยชุมชนนักพัฒนาจากทั่วโลก ตัวอย่างเช่น Linux, Mozilla Firefox, และ LibreOffice

3. ซอฟต์แวร์ฟรี (Free Software)

ซอฟต์แวร์ฟรีเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถใช้งาน ดาวน์โหลด และแจกจ่ายต่อได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซอฟต์แวร์ฟรีอาจจะเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับลิขสิทธิ์ของแต่ละซอฟต์แวร์

Software Tests สำหรับธุรกิจ: เลือกให้เหมาะกับความต้องการ

Software Tests เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ Software Tester คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องในซอฟต์แวร์ก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า การทดสอบซอฟต์แวร์ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์นั้นมีคุณภาพและทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญกับธุรกิจ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้ในตลาด มาดูกันว่าซอฟต์แวร์มีกี่ชนิดที่สำคัญสำหรับธุรกิจ:

1. ซอฟต์แวร์บริหารการขายสินค้าและบริการ (POS)

Point of Sale หรือ POS เป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการงานขายสินค้าและบริการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการบันทึกการขาย ควบคุมสต๊อกสินค้า ออกใบเสร็จรับเงิน และรายงานการขาย เหมาะสำหรับธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร หรือธุรกิจบริการอื่นๆ

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์ POS:

  • ช่วยให้การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ควบคุมสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ
  • ออกใบเสร็จรับเงินและรายงานการขายได้อย่างรวดเร็ว
  • เพิ่มโอกาสในการขาย

2. ซอฟต์แวร์วางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP)

Enterprise Resource Planning หรือ ERP เป็นซอฟต์แวร์สำหรับวางแผนทรัพยากรต่างๆ ขององค์กร ด้วยความสามารถในการรวบรวมข้อมูลและกระบวนการทำงานต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นระบบเดียว เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีกระบวนการซับซ้อน

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์ ERP:

  • ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
  • ปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
  • เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ

3. ซอฟต์แวร์บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)

Customer Relationship Management หรือ CRM เป็นซอฟต์แวร์สำหรับเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าและเพิ่มยอดขาย เหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นบริการลูกค้า

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์ CRM:

  • ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้ามากขึ้น
  • สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
  • รักษาลูกค้าเก่า ดึงดูดลูกค้าใหม่
  • เพิ่มยอดขายและรายได้

4. ซอฟต์แวร์บริหารทรัพยากรบุคคล (HRM)

Human Resource Management หรือ HRM เป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการข้อมูลพนักงาน กำหนดค่าตอบแทน วางแผนพัฒนาทักษะพนักงาน และประเมินผลการทำงาน เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์ HRM:

  • ช่วยให้การทำงานด้านทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพ
  • องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
  • ลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล
  • เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพนักงาน

5. ซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองธุรกิจ

ซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองธุรกิจช่วยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อวิเคราะห์และรายงานให้กับพนักงานภายในองค์กร ให้ได้รับมุมมองของข้อมูลที่สอดคล้องกันผ่านแดชบอร์ด

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองธุรกิจ:

  • รับข้อมูลเชิงลึกของกระบวนการทางธุรกิจที่มีมูลค่า
  • ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เวลานานในการวิเคราะห์ด้วยตนเอง

บริการที่ RED CODE มอบให้คุณ: ซอฟต์แวร์ที่ใช่ สำหรับธุรกิจของคุณ

RED CODE เป็นบริษัทพัฒนาโปรแกรม Software ที่เน้นการสร้าง Custom Software สำหรับองค์กรต่างๆ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์หลักของ RED CODE ได้

ทำไมต้อง RED CODE?

  1. ซอฟต์แวร์ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กร (Custom Software)
    เราพัฒนา โปรแกรม Software ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะด้าน เพื่อให้ได้ระบบที่ทำงานได้อย่างคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถขยายขนาดได้ตามความเติบโตของธุรกิจ
  2. ขั้นตอนการทำงานแบบสกรัม (Scrum Workflow)
    เรานำวิธีการบริหารโครงการแบบอไจล์ (Agile) มาใช้ โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือ ความยืดหยุ่น และการรับฟังข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้สามารถส่งมอบผลงานได้รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสำเร็จ
  3. ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้วยงบประมาณที่เหมาะสม
    ทีมมืออาชีพที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูง พร้อมส่งมอบโซลูชันคุณภาพระดับพรีเมียม ด้วยโครงสร้างราคาที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับงบประมาณขององค์กร เพื่อให้ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงบริการระดับมืออาชีพได้อย่างคุ้มค่า

RED CODE ทำงานอย่างไร?

ที่ RED CODE เราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบที่พัฒนาจะตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้อย่างแท้จริง เรามีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการส่งมอบ ดังนี้:

  1. รวบรวมความต้องการ (Get Requirement)
    เราพูดคุยและทำเอกสารเพื่อเก็บความต้องการของลูกค้าและกำหนดเป้าหมายโครงการให้ชัดเจน เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์
  2. วิจัยผลิตภัณฑ์ (Product Research)
    เราศึกษาเทรนด์ตลาดและคู่แข่ง เพื่อออกแบบและจัดลำดับความสำคัญของฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์ความต้องการตลาด
  3. ออกแบบ UX/UI (UX/UI Design)
    เราออกแบบหน้าจอและประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่าย สวยงาม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวก
  4. วางแผนด้านเทคนิค (Tech Solution)
    เราเลือกโครงสร้างและเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับโครงการ เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้ดี รองรับการขยายตัว มีความปลอดภัย และดูแลรักษาง่าย
  5. ออกแบบรายละเอียดผลิตภัณฑ์ (Product Detail Design)
    เราระบุรายละเอียดและขั้นตอนการทำงานของแต่ละฟีเจอร์ เพื่อให้ทีมพัฒนามีความชัดเจนในการทำงาน
  6. พัฒนาระบบ (Development)
    ทีมเขียนโค้ดและพัฒนาซอฟต์แวร์ตามรายละเอียดที่ออกแบบไว้ โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม
  7. ทดสอบคุณภาพ (QA Test)
    เราทดสอบอย่างละเอียดเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องและแก้ไขให้เรียบร้อย เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์มีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Software Tests ที่สำคัญ การใช้โปรแกรมทดสอบที่เหมาะสมช่วยให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  8. ทดสอบการใช้งานจริง (User Acceptance Testing)
    เราให้ลูกค้าหรือตัวแทนผู้ใช้ได้ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเสร็จแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าระบบทำงานตรงตามความต้องการ โดยมี Software Tester คือ ผู้ที่คอยตรวจสอบและรายงานผลการทดสอบ ซึ่งอาจรวมถึงผู้ทดสอบซอฟต์แวร์และผู้ทดสอบแบบ Manual
  9. พร้อมใช้งาน! (Go Live!)
    เมื่อผ่านการทดสอบและการทดลองใช้จากลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เราติดตั้งซอฟต์แวร์ในสภาพแวดล้อมจริงของผู้ใช้ พร้อมให้การสนับสนุนและดูแลอย่างต่อเนื่อง

สรุป

ซอฟต์แวร์มีกี่ชนิด? ซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) แต่ละประเภทมีบทบาทแตกต่างกัน สำหรับธุรกิจ การใช้งานซอฟต์แวร์ ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน RED CODE พร้อมให้คำปรึกษาและพัฒนา โปรแกรม Software ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคุณ ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา

คำถามที่พบบ่อย

ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ มีอะไรบ้าง?

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ดังนี้:

  • Motherboard – แผงวงจรหลักที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
  • CPU – หน่วยประมวลผลกลาง ทำหน้าที่คำนวณและประมวลผลข้อมูล
  • RAM – หน่วยความจำชั่วคราวที่ใช้เก็บข้อมูลขณะใช้งาน
  • Hard drive – อุปกรณ์เก็บข้อมูลถาวรของคอมพิวเตอร์
  • Power supply unit – จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ทั้งหมดในคอมพิวเตอร์
  • Video Card – ประมวลผลและแสดงภาพกราฟิกบนหน้าจอ
  • System Software – ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์
  • Application Software – โปรแกรมที่ใช้ทำงานเฉพาะด้าน

โปรแกรม Windows เป็นซอฟต์แวร์ประเภทใด?

Windows เป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System หรือ OS) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างระบบปฏิบัติการอื่นๆ เช่น MS-DOS, UNIX, OS/2, Linux และ Ubuntu

ซอฟต์แวร์ระบบมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

ซอฟต์แวร์ระบบแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่:

  • ระบบปฏิบัติการ (Operating System) – ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมด
  • โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (Compiler, Interpreter, Assembler) – แปลภาษาที่มนุษย์เขียนให้เป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ
  • โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program) – เครื่องมือช่วยในการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
  • โปรแกรมขับอุปกรณ์ (Device Driver) – ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ

ระบบคอมพิวเตอร์ คืออะไร?

ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) คือ ชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันและทำงานร่วมกัน โดยมีชุดคำสั่งหรือโปรแกรมควบคุม เพื่อให้ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติตามที่ต้องการ ขั้นตอนการทำงานประกอบด้วย การนำเข้าข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ และการป้อนข้อมูลกลับ

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.