การทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Testing): กระบวนการสำคัญสู่ความสำเร็จในการพัฒนาซอฟต์แวร์

การทดสอบซอฟต์แวร์: ทางลัดสู่ความสำเร็จที่นักพัฒนาควรรู้

การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงนั้นไม่ได้จบเพียงแค่การเขียนโค้ดให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ยังต้องผ่านกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนานั้นทำงานได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และตรงตามความต้องการของผู้ใช้ นั่นคือ การทดสอบซอฟต์แวร์ หรือ Software Testing นั่นเอง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ ประเภท ขั้นตอน ไปจนถึงทักษะที่จำเป็นสำหรับการเป็น Software Tester ที่ดี

การทดสอบซอฟต์แวร์ คืออะไร?

การทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Testing) คือ กระบวนการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และติดตามผลการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนามีความถูกต้อง สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพตามที่ผู้ใช้งานคาดหวังไว้

หลายคนอาจสงสัยว่า Testing คืออะไร? ในบริบทของการพัฒนาซอฟต์แวร์ การทดสอบหรือ Testing คือการทดลองใช้ซอฟต์แวร์อย่างมีแนวทาง โดยใช้ความรู้ทางด้านเทคนิค เพื่อค้นหาความผิดพลาด (error) หรือข้อบกพร่อง (bugs) ที่อาจซ่อนอยู่ และระบุแนวทางการเกิดปัญหา พร้อมทั้งสมมติฐานของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

Software Testing คือ กระบวนการที่ไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนเดียวหรือกระบวนการที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ดำเนินไปตลอดวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Life Cycle: SDLC) โดยเฉพาะในช่วงที่ 5 คือ Testing & Integration ตามคำนิยามของ TechTarget การทดสอบซอฟต์แวร์เป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ

ทำไมการทดสอบซอฟต์แวร์จึงสำคัญ?

การทดสอบซอฟต์แวร์เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์มีความพร้อมและสมบูรณ์ก่อนจะถึงมือผู้ใช้งาน ความสำคัญของการทดสอบซอฟต์แวร์มีหลายประการ ดังนี้:

  1. ค้นหาข้อผิดพลาด (Bugs): การทดสอบช่วยตรวจสอบและค้นหาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ทำงาน การทำงานที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด หรือจุดที่ระบบมีความเสี่ยง
  2. เพิ่มคุณภาพซอฟต์แวร์: การทดสอบช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนามีคุณภาพสูงและทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะในโครงการที่มีความซับซ้อน
  3. ลดความเสี่ยง: การทดสอบช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีข้อผิดพลาด เช่น การสูญเสียข้อมูล การล้มเหลวของระบบ หรือการโจมตีทางไซเบอร์
  4. เพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งาน: ซอฟต์แวร์ที่ผ่านการทดสอบอย่างดีจะทำงานได้อย่างราบรื่น ตรงตามความคาดหวังของผู้ใช้ สร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจในตัวผลิตภัณฑ์
  5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว: แม้การทดสอบจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในช่วงแรก แต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจากการแก้ไขปัญหาหลังจากที่ซอฟต์แวร์ถูกนำไปใช้งานแล้วมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก

ประเภทของการทดสอบซอฟต์แวร์

การทดสอบซอฟต์แวร์สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับมุมมองและวัตถุประสงค์ของการทดสอบ ดังนี้:

1. แบ่งตามลักษณะการทดสอบ

Functional Testing

การทดสอบฟังก์ชันในการทำงานของระบบว่าสามารถทำงานได้จริงหรือไม่ตามเอกสารความต้องการที่ระบุไว้ การทดสอบนี้จะวิเคราะห์ส่วนต่าง ๆ เช่น User Interface, Database, Security และอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น การทดสอบระบบฝากเงินว่าสามารถฝากเงินได้จริงหรือไม่

Non-Functional Testing

การทดสอบสิ่งที่ไม่สามารถเขียนเป็นฟังก์ชันได้ที่ระบุตามเอกสารความต้องการ เช่น:

  • Performance Testing: ทดสอบความเร็ว การตอบสนอง และปริมาณการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น หน้าเว็บต้องเปิดด้วยความเร็วไม่เกิน 3 วินาที
  • Usability Testing: ทดสอบความพึงพอใจของผู้ใช้ ความง่ายในการใช้งาน
  • Security Testing: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ

Maintenance Testing

การตรวจสอบว่าระบบรองรับการบำรุงรักษาหรือไม่ มีเป้าหมายเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การอัปเดตฟีเจอร์ใหม่

2. แบ่งตามวิธีการทดสอบ

Manual Testing 

Manual Testing คือ การทดสอบแบบที่ผู้ทดสอบดำเนินการทดสอบด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติ ผู้ที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า Manual Tester ซึ่งจะทำการจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้ ทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ และตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ทำงานตามที่คาดหวังหรือไม่ การทดสอบแบบ Manual เหมาะสำหรับการทดสอบที่ต้องการความละเอียดและความเข้าใจบริบท แต่มีข้อเสียคือใช้เวลาและทรัพยากรมาก รวมถึงมีความเสี่ยงของข้อผิดพลาดจากมนุษย์

Automation Testing

การทดสอบแบบ Automation ใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ในการทดสอบ โดยเขียนสคริปต์เพื่อทำการทดสอบอัตโนมัติ ข้อดีคือทดสอบซ้ำได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ข้อเสียคือต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการเขียนสคริปต์และไม่เหมาะสำหรับการทดสอบที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง จึงมักมีการใช้ Tester Program หรือโปรแกรมสำหรับการทดสอบอัตโนมัติ เช่น Selenium, JUnit, TestNG เป็นต้น

3. แบ่งตามวิธีการเข้าถึงโค้ด

White Box Testing

การทดสอบแบบกล่องขาวหรือกล่องแก้ว (Glass Box Testing) เป็นวิธีทดสอบที่ผู้ทดสอบสามารถเห็นโครงสร้างภายในของโปรแกรม และทดสอบตามเส้นทางการทำงาน (Path) ของโปรแกรม การทดสอบนี้มักใช้เพื่อ:

  • ทดสอบว่าเส้นทางในกระบวนการทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ทดสอบการตัดสินใจทางตรรกะทั้งค่าที่เป็นจริงและค่าที่เป็นเท็จ
  • ทดสอบการทำงานภายใน Loop ทุก Loop ตามจำนวนครั้งของการวนรอบ
  • ทดสอบโครงสร้างข้อมูลภายในให้ถูกต้อง

Black Box Testing

การทดสอบแบบกล่องดำหรือการทดสอบเชิงพฤติกรรม (Behavioral Testing) เป็นการทดสอบที่ไม่คำนึงถึงโครงสร้างภายในของโปรแกรม แต่มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานของโปรแกรมว่าตรงตามความต้องการหรือไม่ การทดสอบนี้ช่วยในการค้นหา:

  • หน้าที่ที่ทำงานผิดพลาด
  • หน้าที่ที่ขาดหายไป
  • ความผิดพลาดของส่วนประสานกับระบบอื่น
  • ความผิดพลาดของการตัดสินใจทำงานต่อหรือหยุดการทำงาน
  • ความผิดพลาดของการประมวลผลข้อมูล

ระดับของการทดสอบซอฟต์แวร์

การทดสอบซอฟต์แวร์สามารถแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ตามลำดับความซับซ้อนและขอบเขตของการทดสอบ ดังนี้:

Module Testing หรือ Unit Testing

การทดสอบหน่วยหรือโมดูลเป็นการทดสอบส่วนย่อยที่สุดของโปรแกรม โดยทดสอบแต่ละฟังก์ชันหรือเมธอดแยกจากส่วนอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละส่วนทำงานได้อย่างถูกต้อง หากไม่มีการทดสอบในส่วนนี้ โปรแกรมอาจเกิดข้อบกพร่องในการทำงานได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์อื่น ๆ

2. Integration Testing

การทดสอบการบูรณาการหรือการเชื่อมต่อเป็นการทดสอบการทำงานร่วมกันของหน่วยต่าง ๆ ว่าสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด รวมถึงการทดสอบการติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ เช่น การเรียกใช้ฟังก์ชันข้ามโมดูล หากไม่มีการทดสอบนี้ อาจส่งผลให้การทำงานโดยรวมของโปรแกรมมีข้อบกพร่อง

3. System Testing

การทดสอบระบบเป็นการทดสอบการทำงานของระบบทั้งหมดว่าเป็นไปตามความต้องการหรือไม่ โดยจะทดสอบทั้งด้าน Performance, Load, Reliability และ Security เพื่อวัดผลการทำงานของระบบก่อนที่จะส่งมอบให้ผู้ใช้งานจริง หากไม่มีการทดสอบในขั้นตอนนี้ อาจส่งผลเสียหากผู้ใช้พบข้อผิดพลาดด้วยตนเอง

4. Acceptance Testing (UAT)

การทดสอบการยอมรับเป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายที่ให้ผู้ใช้หรือลูกค้าทดสอบระบบด้วยตนเองว่าสามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการหรือไม่ การทดสอบนี้มีความจำเป็นเพื่อให้ผู้ใช้หรือองค์กรมั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้ตามที่ต้องการจริง

กระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์ (STLC)

กระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์หรือ Software Testing Life Cycle (STLC) มีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

1. Requirement Analysis

ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์ความต้องการของระบบ ทำความเข้าใจว่ามีอะไรที่สามารถทดสอบได้บ้าง และจะทดสอบอย่างไร

2. Test Planning

ขั้นตอนต่อมาคือการวางแผนกลยุทธ์ในการทดสอบ กำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) ทรัพยากรที่ต้องใช้ (Resource) และระยะเวลาในการทดสอบ

3. Test Case Development

ขั้นตอนนี้เป็นการเขียน Test Case สำหรับการทดสอบแต่ละส่วน โดยจะทดสอบทั้งกรณีปกติและกรณีพิเศษที่อาจเกิดขึ้น Test Case ประกอบด้วย:

  • ชื่อ Test Case (โดยปกติแล้วคือ Use case ตาม Business requirement)
  • วัตถุประสงค์ของ Test case นั้น ๆ
  • ผลที่คาดว่าจะได้รับ (Output)
  • ข้อมูลที่จะนำเข้าเพื่อใช้ในการทดสอบ (Input)
  • ขั้นตอนวิธีการทดสอบ เป็น Step by step
  • ผลที่ได้จากการทดสอบ

4. Test Environment Setup

ขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบ เช่น เครื่องมือที่ใช้ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทดสอบ และการตั้งค่าต่าง ๆ

5. Test Execution

ขั้นตอนนี้เป็นการดำเนินการทดสอบตามแผนและ Test Case ที่เตรียมไว้ บันทึกผลการทดสอบ และรายงานข้อผิดพลาดที่พบ

6. Test Cycle Closure

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการสรุปผลการทดสอบ วิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่พบ และจัดทำรายงานสรุปการทดสอบ

ทักษะที่จำเป็นสำหรับ Software Tester

การเป็น Software Tester ที่ดีนั้นต้องมีทักษะที่หลากหลาย ทั้งด้านเทคนิคและด้านอื่น ๆ ดังนี้:

1. ความรู้ด้านเทคนิค

Software Tester ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและโครงสร้างซอฟต์แวร์ เช่น HTML, SQL, และภาษาโปรแกรมมิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจการทำงานของระบบและสามารถระบุปัญหาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Tester Program หรือเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบอัตโนมัติ

2. การคิดเชิงวิเคราะห์

Software Tester ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา แยกแยะสาเหตุและผลกระทบ และหาแนวทางแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการค้นหาข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์

3. การสื่อสาร

ทักษะการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ Software Tester เนื่องจากต้องสามารถอธิบายปัญหาที่พบให้ทีมพัฒนาเข้าใจได้อย่างชัดเจน รวมถึงการเขียนรายงานที่ละเอียดและเข้าใจง่าย

4. ความละเอียดรอบคอบ

Software Tester ต้องมีความละเอียดรอบคอบสูง สามารถสังเกตและตรวจสอบข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานระบบได้

5. ความสามารถในการเรียนรู้

เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ Software Tester จึงต้องพร้อมที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง

ความแตกต่างระหว่าง Manual Tester และ QA Tester

แม้ว่าทั้ง Manual Tester และ QA Tester จะมีจุดหมายเดียวกันคือการตรวจสอบคุณภาพของซอฟต์แวร์ แต่ก็มีความแตกต่างในหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้:

Manual Tester

  • เน้นการทดสอบด้วยมือโดยไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติ ซึ่ง Manual Testing คือการทดสอบที่ต้องอาศัยความละเอียดและการสังเกตของมนุษย์
  • มุ่งเน้นการตรวจสอบประสบการณ์ผู้ใช้งานและฟีเจอร์ที่ต้องการความละเอียด
  • เหมาะสำหรับการทดสอบที่ต้องการความเข้าใจบริบทและไม่สามารถทดสอบด้วยเครื่องมืออัตโนมัติได้

QA Tester

  • มุ่งเน้นการประกันคุณภาพในภาพรวมของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่ง Software Testing คือส่วนหนึ่งของงานประกันคุณภาพ
  • รับผิดชอบในการกำหนดมาตรฐานและแนวทางในการพัฒนา
  • วางแผนและออกแบบกรณีทดสอบที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้
  • ตรวจสอบให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

บริการด้านการทดสอบซอฟต์แวร์

RED CODE รับให้บริการด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยทีมงานSoftware Testerผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง เรามีบริการต่าง ๆ ดังนี้:

1. บริการทดสอบซอฟต์แวร์แบบครบวงจร

เรามีทีมงาน QA ที่มีประสบการณ์พร้อมให้บริการทดสอบซอฟต์แวร์ทุกประเภท ตั้งแต่การวางแผน การพัฒนา Test Case ไปจนถึงการดำเนินการทดสอบและรายงานผล Software Testing คือกระบวนการที่ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

2. บริการทดสอบหน่วย (Unit Testing)

เราใช้เครื่องมือและเทคนิคที่ทันสมัยในการทดสอบแต่ละหน่วยของโปรแกรมเพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนทำงานได้อย่างถูกต้อง

3. บริการทดสอบการบูรณาการ (Integration Testing)

เราทดสอบการทำงานร่วมกันของหน่วยต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. บริการทดสอบระบบ (System Testing)

เราทดสอบระบบทั้งหมดในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง เพื่อตรวจสอบว่าระบบทำงานได้ตามความต้องการหรือไม่

5. บริการทดสอบการยอมรับ (Acceptance Testing)

เราช่วยจัดการและดำเนินการทดสอบการยอมรับเพื่อให้มั่นใจว่าระบบพร้อมสำหรับการใช้งานจริง

6. บริการทดสอบอัตโนมัติ (Automation Testing)

เราพัฒนาและดำเนินการทดสอบอัตโนมัติเพื่อช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทดสอบระยะยาว โดยใช้ Tester Program และเครื่องมือที่ทันสมัยในการทดสอบอย่างมีประสิทธิภาพ

7. บริการให้คำปรึกษาด้านการทดสอบซอฟต์แวร์

เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบซอฟต์แวร์พร้อมให้คำปรึกษาในการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์การทดสอบที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการเริ่มต้นใช้ Manual Testing คืออะไร หรือ Testing คืออะไร เราพร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการทั้งหมดของเรา เพื่อค้นหาโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

สรุป

การทดสอบซอฟต์แวร์ เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์คุณภาพสูง ช่วยตรวจจับข้อผิดพลาด เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ และสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้

กระบวนการทดสอบแบ่งเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ Unit Testing, Integration Testing, System Testing จนถึง Acceptance Testing โดยสามารถทำได้ทั้งแบบ Manual Testing คือ การทดสอบด้วยมือ และ Automation Testing หรือการทดสอบอัตโนมัติด้วย Tester Program ต่าง ๆ

การเป็น Software Tester ที่ดีต้องมีทั้งความรู้ด้านเทคนิค ทักษะการคิดวิเคราะห์ การสื่อสารที่ดี และความละเอียดรอบคอบ

RED CODE พร้อมให้บริการทดสอบซอฟต์แวร์ครบวงจรด้วยทีม Software Tester มืออาชีพและเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และตรงตามความต้องการของผู้ใช้

คำถามที่พบบ่อย

การทดสอบซอฟต์แวร์คืออะไร

การทดสอบซอฟต์แวร์ เป็นกระบวนการทดลองใช้ซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ โดยอาศัยความรู้ทางเทคนิคเพื่อค้นหาข้อผิดพลาด (error) ที่อาจซ่อนอยู่ในซอฟต์แวร์ เมื่อพบข้อผิดพลาด นักทดสอบจะวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา พร้อมทั้งตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทีมพัฒนาสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด

รูปแบบการทดสอบซอฟต์แวร์ 4 ประเภทใหญ่ มีอะไรบ้าง?

  1. Module Testing หรือ Unit Testing
    เป็นการทดสอบแต่ละส่วนย่อยของโปรแกรมแยกจากกัน เพื่อยืนยันว่าแต่ละหน่วยทำงานได้อย่างถูกต้อง การทดสอบในระดับนี้ช่วยป้องกันข้อผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น หากขาดการทดสอบส่วนนี้ โปรแกรมอาจมีข้อบกพร่องที่ตรวจพบได้ยากในภายหลัง
  2. Integration Testing
    เป็นการทดสอบการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนต่าง ๆ ของโปรแกรม เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละส่วนสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา เช่น การทดสอบการเรียกใช้ฟังก์ชันข้ามโมดูล หากไม่มีการทดสอบนี้ อาจเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันของระบบโดยรวม
  3. System Testing
    เป็นการทดสอบระบบทั้งหมดว่าทำงานได้ตรงตามความต้องการหรือไม่ โดยครอบคลุมทั้งประสิทธิภาพ (Performance), ความทนทานต่อโหลด (Load), ความน่าเชื่อถือ (Reliability) และความปลอดภัย (Security) การทดสอบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะพบข้อผิดพลาดเมื่อใช้งานจริง
  4. Acceptance Testing (UAT)
    เป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายที่ให้ผู้ใช้หรือลูกค้าเป็นผู้ทดสอบระบบด้วยตนเอง เพื่อยืนยันว่าระบบตอบสนองความต้องการใช้งานจริงได้ การทดสอบนี้จำเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นโอกาสสุดท้ายในการตรวจสอบก่อนส่งมอบ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้หรือองค์กรว่าระบบพร้อมใช้งาน

การทดสอบระบบคืออะไร?

การทดสอบระบบเป็นกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์ที่ตรวจสอบระบบทั้งหมดที่พัฒนาขึ้น โดยอยู่ในขั้นตอนระหว่างการทดสอบแบบบูรณาการ (Integration Testing) และการทดสอบการยอมรับของผู้ใช้ (User Acceptance Testing) เป้าหมายคือการตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ และไม่มีข้อบกพร่องร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ เป็นการทดสอบแบบองค์รวมที่มองระบบทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว

นักทดสอบซอฟต์แวร์ คืออะไร? และมีหน้าที่อะไร?

นักทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Tester) คือ อาชีพที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและความถูกต้องของซอฟต์แวร์ โดยทำการทดสอบระบบต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หน้าที่หลัก คือ การทดสอบและรายงานข้อบกพร่องที่พบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดก่อนส่งถึงมือลูกค้า โดยทั่วไปนักทดสอบจะเริ่มทำงานหลังจากที่โปรแกรมเมอร์พัฒนาซอฟต์แวร์เสร็จในแต่ละส่วน ทำให้เป็นด่านสำคัญในการควบคุมคุณภาพของซอฟต์แวร์

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.